Onlinenewstime.com : ในปีที่เศรษฐกิจไทยเผชิญแรงกดดันจากต้นทุนธุรกิจที่สูงขึ้นและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว Pay Solutions ผู้ให้บริการด้านการชำระเงินครบวงจร ยังคงเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถขับเคลื่อนธุรกรรมรวมตลอดปี 2025 กว่า 10,000 ล้านบาท ครอบคลุมทั้งการรับชำระเงินออนไลน์และออฟไลน์ทุกช่องทาง
ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT) ระบุว่า การใช้จ่ายผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ของคนไทยยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่เดือนมกราคม ถึงเดือนกรกฏาคม 2025 ประเทศไทยมีธุรกรรมผ่านเครื่องรูดบัตรรวมกว่า 160,700 ล้านบาท แม้จะปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากปีก่อนหน้า แต่ยังสะท้อนให้เห็นว่าช่องทางออฟไลน์ยังคงมีมูลค่าธุรกรรมสูงกว่าออนไลน์อย่างมีนัยสำคัญ
ขณะที่ธุรกรรมออนไลน์มีจำนวนกว่า 39.1 ล้านรายการ (+16% YoY) รวมมูลค่ากว่า 48,500 ล้านบาท แม้จะเติบโตต่อเนื่องในด้านจำนวนรายการ แต่เมื่อเทียบในเชิงมูลค่าแล้วยังต่ำกว่าการชำระผ่านเครื่องรูดบัตร สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคไทยยังคงให้ความสำคัญกับการใช้จ่ายในหน้าร้านและการรูดบัตรจริง โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าหรือบริการที่ต้องการความมั่นใจและการสัมผัสประสบการณ์ก่อนตัดสินใจซื้อ
รายงานจากระบบของ Pay Solutions ยังพบว่า ธุรกรรมออฟไลน์ในระบบเติบโตสูงถึง +238% YoY หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 760 ล้านบาท สะท้อนแนวโน้มที่ผู้ประกอบการกลับมาลงทุนในช่องทางหน้าร้าน ควบคู่กับการขยายตลาดออนไลน์ เพื่อสร้างประสบการณ์การขายแบบครบวงจรและตอบโจทย์พฤติกรรมลูกค้าที่ยืดหยุ่นมากขึ้น
ขณะเดียวกัน ตัวเลขเศรษฐกิจภาพรวมของไทยปรากฏว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP growth) ปี 2025 ถูกประเมินว่าจะอยู่เพียงราว 1.8%–2.2% ซึ่งสะท้อนว่า “กำลังซื้อในประเทศอยู่ในสภาวะอ่อนแรง”
ธุรกิจจำนวนมากจึงอยู่ภายใต้แรงกดดันจากการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐที่มุ่งผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัลและการค้าข้ามพรมแดน เพื่อดึงเม็ดเงินต่างชาติหมุนเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไทยมากขึ้น
Pay Solutions จึงวางเป้าหมายยกระดับบทบาทสู่การเป็น “Payment Infrastructure” ที่เชื่อมโยงทุกภาคส่วนของธุรกิจเข้าด้วยกัน รองรับทั้งระบบ Hybrid Payment และธุรกรรมจากต่างประเทศ เพื่อให้ธุรกิจไทยสามารถแข่งขันและเติบโตได้ในระดับสากล
นายภาวุธ พงษ์วิทยภานุ CEO Pay Solutions เปิดเผยว่า “ในวันที่กำลังซื้อภายในประเทศยังชะลอตัว การดึงเม็ดเงินจากต่างชาติและการเปิดรับช่องทางการชำระเงินจากทั่วโลกคือทางรอดของธุรกิจไทย Pay Solutions พร้อมเป็นโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินที่เชื่อมเศรษฐกิจไทยเข้ากับโอกาสระดับสากล”
เพื่อตอบรับแนวโน้มดังกล่าว Pay Solutions เตรียมรุกขยายบทบาทในฐานะ “Payment Infrastructure” ของประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยการจับมือกับพันธมิตรทางเทคโนโลยีและผู้ให้บริการชั้นนำ เพื่อสร้างระบบการชำระเงินที่เชื่อมต่อครบวงจร ตั้งแต่ขั้นตอน “การรับเงินถึงการบริหารจัดการหลังบ้านของร้านค้า”
หนึ่งในไฮไลต์สำคัญของปี 2025 คือการเปิดตัว “Super EDC” เครื่องรูดบัตรอัจฉริยะที่ผสานการรับชำระเงินและระบบจัดการร้านค้าในตัว ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถบริหารยอดขาย สต็อก ลูกค้า และระบบสมาชิกได้จากอุปกรณ์เดียว ตอบโจทย์การทำธุรกิจในยุค Hybrid Payment ที่ต้องรองรับทั้งการชำระเงินออฟไลน์และออนไลน์อย่างไร้รอยต่อ
อีกหนึ่งจุดแข็งสำคัญในปี 2026 คือการขยายเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจในประเทศ โดยร่วมมือกับธนาคารหลัก ฟินเทค และผู้ให้บริการเทคโนโลยี เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินร่วมกันให้ครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่ระบบบัญชี, Fulfillment, Logistics และ e-Commerce Platform เพื่อสร้างระบบนิเวศการทำธุรกิจดิจิทัลที่สมบูรณ์สำหรับผู้ประกอบการไทยในยุค Hybrid Payment
เป้าหมายคือการสร้าง “ระบบนิเวศการชำระเงินแบบบูรณาการ ที่เชื่อมโยงทุกผู้เล่นในห่วงโซ่ธุรกิจ เพื่อผลักดันให้ผู้ประกอบการไทยเติบโตได้อย่างยั่งยืน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
“ทิศทางของ Pay Solutions ในปี 2026 คือการสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินที่ทุกฝ่ายสามารถใช้ประโยชน์ได้ ไม่ว่าจะเป็นร้านค้า ผู้บริโภค พันธมิตรเทคโนโลยี รวมทั้งธนาคาร เพราะการเติบโตในอนาคตจะเกิดจากความร่วมมือ ไม่ใช่การแข่งขันแต่เพื่อเอื้อประโยชน์ ต่อยอด และเติบโตไปด้วยกัน” นายภาวุธ พงษ์วิทยภานุ CEO Pay Solutions กล่าวทิ้งท้าย
