Onlinenewstime.com : ป่าไม้หล่อเลี้ยงประชากรกว่า 22 ล้านคน ส่งเสริมการดำรงชีวิต ความมั่นคงทางอาหาร และผลผลิตทางการเกษตรผ่านการทำงานของระบบนิเวศ เช่น การผสมเกสร ความอุดมสมบูรณ์ของดิน และควบคุมน้ำ
นอกจากนี้ป่าไม้ยังทำหน้าที่เป็นแหล่งดูดซับคาร์บอนและสร้างเสริมความหลากหลายทางชีวภาพที่อุดมสมบูรณ์ ป่าไม้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการบรรลุข้อตกลงปารีส กรอบงานคุนหมิง-มอนทรีออลว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพของโลก และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
จากรายงาน “สถานะของป่าโลก 2567” (The State of the World’s Forest 2024) ขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ป่าไม้กำลังเผชิญกับแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของที่ดิน การขยายตัวของเมือง การใช้ป่าไม้อย่างไม่ยั่งยืน และภัยคุกคามจากสภาพภูมิอากาศ เช่น การตัดไม้ทำลายป่า ไฟป่า ศัตรูพืช และอุทกภัย
ความหลากหลายทางชีวภาพและผลประโยชน์จากระบบนิเวศที่ลดลงทำให้การการดำรงชีวิตของประชากรหลายล้านคนตกอยู่ในความเสี่ยง
ผู้นำด้านป่าไม้กว่า 120 คนจาก 20 ประเทศ กำลังร่วมกันรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ในการประชุมของคณะกรรมาธิการป่าไม้แห่งเอเชียแปซิฟิก ครั้งที่ 31 (Asia Pacific Forestry Commission: APFC 31) และสัปดาห์ป่าไม้แห่งเอเชียแปซิฟิก 2025 ที่จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย ซึ่งเผยแพร่ออนไลน์
งานนี้จัดขึ้นโดยกรมป่าไม้แห่งประเทศไทย ร่วมกับองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (เอฟเอโอ) โดยมุ่งเน้นที่การจัดการป่าไม้เชิงนวัตกรรม ความร่วมมือแบบมีส่วนร่วม และนโยบายที่เอื้ออำนวยป่าไม้ในฐานะรากฐานของความมั่นคงทางอาหาร
หัวข้อการประชุม “ป่าสุขภาพดี หล่อเลี้ยงอนาคต” เน้นย้ำบทบาทของป่าไม้ในการรักษาระบบอาหารและภูมิทัศน์ที่ยืดหยุ่น เวทีอภิปรายมีวัตถุประสงค์กำหนดลำดับความสำคัญของภูมิภาค และช่วยให้ประเทศต่างๆ มีส่วนร่วมในเป้าหมายด้านความหลากหลายทางชีวภาพ สภาพภูมิอากาศ และการพัฒนาระดับโลก
นายนิกร ศิรโรจนานนท์ อธิบดีกรมป่าไม้ ประเทศไทย กล่าวว่า “เวทีนี้เป็นโอกาสในการแบ่งปันประสบการณ์ของประเทศไทยในการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน และเรียนรู้จากผู้อื่น อีกทั้งตอกย้ำความมุ่งมั่นร่วมกันของเราในด้านการอนุรักษ์ป่าไม้ในฐานะแหล่งกำเนิดของชีวิต ความเป็นอยู่ และความมั่นคงทางอาหาร”
นายอาลู โดฮง ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่และผู้แทนเอฟเอโอประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “ป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์คือกระดูกสันหลังของระบบอาหารที่อุดมสมบูรณ์ ภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกผลิตอาหารมากกว่าครึ่งหนึ่งของโลกในฐานะศูนย์กลางทางการเกษตร และเป็นผู้นำในสินค้าโภคภัณฑ์สำคัญๆ เช่น ปาล์มน้ำมันและยางธรรมชาติ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าระบบป่าไม้และระบบเกษตรอาหารขับเคลื่อนความยั่งยืนของโลก”
การหารือและการเปิดตัวรายงานสำคัญ
ผู้ร่วมการประชุมกำลังเรียนรู้ว่าป่าไม้มีประโยชน์อย่างไรต่อระบบเกษตรอาหารที่ยั่งยืนจาก Global Forest Resources Assessment ปี 2025 และแนวทางเศรษฐกิจชีวภาพที่เน้นป่าไม้ซึ่งเป็นเส้นทางสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนและงานด้านเศรษฐกิจสีเขียว
ในการประชุมนี้ยังมีการเปิดตัวรายงานทางเทคนิคฉบับใหม่ที่เอฟเอโอ จัดทำร่วมกับศูนย์วิจัยวนเกษตรนานาชาติ (World Agroforestry Centre: ICRAF) และ World Agroforestry (ICRAF) ในหัวข้อ “วนเกษตรเพื่อการผลิตไม้ ข้อมูลเชิงลึกจากระบบวนเกษตรแบบอเนกประสงค์สำหรับเกษตรกรรายย่อยในเอเชียและแปซิฟิก” ซึ่งให้ข้อเสนอแนะแก่เกษตรกรรายย่อยในการผลิตไม้ควบคู่ไปกับการรักษาระบบนิเวศและการกระจายรายได้ และเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าป่าไม้ที่สมบูรณ์ช่วยขับเคลื่อนอนาคตที่ยั่งยืนได้
ปรีชา อ่องประเสริฐ ประธานคณะกรรมการการป่าไม้แห่งภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก กล่าวว่า “คณะกรรมาธิการยังคงเป็นสะพานสำคัญสำหรับความร่วมมือระดับภูมิภาค ด้วยการแบ่งปันความรู้และความร่วมมือกันเราจะสามารถทำให้ป่าไม้หล่อเลี้ยงอนาคตได้อย่างแท้จริง”
ความร่วมมือระดับภูมิภาคและก้าวต่อไป
การประชุมครั้งนี้ตอกย้ำความร่วมมือระหว่างรัฐบาล องค์กรระหว่างประเทศ ภาคประชาสังคม และเครือข่ายวิจัย เพื่อรับมือกับความท้าทายและโอกาสด้านป่าไม้ในระดับภูมิภาค ความร่วมมือนี้จะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความมั่นใจว่าเกษตรกรรายย่อยกว่า 380 ล้านคนทั่วเอเชียและแปซิฟิกซึ่งพึ่งพาการเกษตรเพื่อการดำรงชีพจะไม่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง โครงการริเริ่มที่กำลังดำเนินอยู่ เช่น Result Asia-Pacific สนับสนุนการฟื้นฟูพื้นที่เสื่อมโทรมและเสริมสร้างความยืดหยุ่นของชุมชน
การประชุมคณะกรรมการการป่าไม้แห่งภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก ครั้งต่อไปจะจัดขึ้นในปี พ.ศ. 2570 โดยจะมีการประกาศชื่อประเทศเจ้าภาพในภายหลัง
