fbpx
News update

วิธีสร้างความสำเร็จของ “สตาร์ทอัพ” ในแบบฉบับ “วิชัย ทองแตง”

Onlinenewstime.com : รอยต่อของยุคสมัยอนาล็อคที่กำลังจะจางหายไป พร้อมกับยุคเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาแทนที่ ในโลกของการลงทุนนั้น ถือเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้ วิชัย ทองแตง เจ้าของฉายา“พ่อมดตลาดหุ้น” หันมาให้ความสำคัญกับการลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพ ด้านไอทีและบล็อกเชน (Blockchain) ที่เป็นเทคโนโลยีแห่งอนาคต

จากคำให้สัมภาษณ์ของ “วิชัย ทองแตง” ที่เคยกล่าวถึง ทิศทางการลงทุนในธุรกิจและตลาดทุนนั้น เขาจะลงทุนในธุรกิจ ที่เปลี่ยนไปตามเทรนด์โลก สอดคล้องกับมุมมองวิสัยทัศน์ด้านการลงทุนที่เขากล่าวไว้บนเวที  Thailand Blockchain Working Group (TBWG)  เวบไซต์ข่าว ออนไลน์ นิวส์ไทม์ ถอดบทสัมภาษณ์คำต่อคำของ “วิชัย ทองแตง” ว่า วันนี้ได้ร่วมลงทุนในสตาร์ทอัพกว่า 10 บริษัท รวมถึงการลงทุน กับธุรกิจในด้านไอทีและบล็อกเชน ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจาอีกหลายบริษัท

มุมมองการลงทุนในวันนี้ไม่นับหนึ่ง แต่เน้นต่อยอด

หลังจากอายุ 70 ปี “วิชัย ทองแตง” บอกว่า เขาวางมือ โดยลาออกจากงานมาจริงๆ และเริ่มในสิ่งที่อยากจะทำ 3 เรื่อง

“เรื่องที่ 1 คือเรื่องการศึกษา ที่ตอนนี้บรรยายฟรีทั่วประเทศ เรื่องที่ 2 คือเรื่องการเกษตร เพราะผมเป็นลูกชาวนา เราไม่เคยลืมกำพืดของเรา เรื่องที่ 3 คือเรื่องโชห่วย ที่ตอนนี้ก็ได้สนับสนุนบริษัทสตาร์ทอัพหลายบริษัท จนกระทั่งสามารถก้าวขึ้นมาทำได้ในระดับที่น่าพึงพอใจ”

คลิป: วิสัยทัศน์ด้านการลงทุนของ “วิชัย ทองแตง” 

หัวข้อที่ไปบรรยายทั่วประเทศคือเรื่อง “คิด” “ทำ” นอกกรอบ ซึ่งตอนนี้มาอยู่ท่ามกลาง นักคิด นักทำทั้งหลาย ผมเชื่อว่าในที่นี้ไม่มีใครในห้องนี้ ที่ไมรู้จักคำว่าคิดนอกกรอบ วันนี้เป็นวันที่อยู่ท่ามกลางสตาร์ทอัพจำนวนมากๆในคราวเดียว เพราะที่ผ่านมาด้วยภาระทำให้ไม่มีเวลา การได้พบปะก็จะเป็นทีละราย และผ่านการคัดกรองมากมาย และท่านเหล่านั้นก็จะมาอธิบายว่าเขาทำอะไรอยู่บ้าง และกำลังจะทำอะไรต่อไป มีแผนการอย่างไร ซึ่งเป็นแพทเทิร์น  

ผมมักจะบอกกับทุกคนไปว่า การที่คุณมาหาคุณวิชัย แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่คิดว่า เป้าหมายถัดไป คือตลาดหลักทรัพย์แน่ ใกล้ ไกล สั้นยาว เร็วหรือช้านั่นเอง ซึ่งผมบอกว่าอย่าคาดหวัง มาก

วิธีสร้างความสำเร็จของสตาร์ทอัพจากมุมกูรูหุ้น 

วิชัย ทองแตง กล่าวถึงวิธีการสร้างความสำเร็จ หลังการติดตามข่าวสารการเคลื่อนไหวในวงการสตาร์ทอัพ

เพราะว่าสตาร์ทอัพ หลายคน ที่พยายามสตาร์ทแล้วแต่ไม่อัพ และหลายคนสตาร์ทอัพแล้วแต่ไปต่อไม่ถูก ซึ่งนี่เป็นเรื่องสำคัญ  พอไปต่อไม่ถูก มันจะไม่สามารถไปสู่จุดเป้าหมายที่คาดหวังได้ ฉะนั้นสิ่งที่ต้องทำนอกจากจะไม่คาดหวังมากแล้วนั้น คุณต้องทำตัวให้มีเสน่ห์อยู่เสมอ เพราะเมื่อไรก็ตามที่คุณคลายเสน่ห์แล้วนั้น คนอย่างผมหรือนักลงทุนที่คล้ายผม อาจจะไม่อยากคุยด้วยก็ได้

การทำตัวให้มีเสน่ห์ มีหลักการ คือ ต้องมี 2G  สำหรับ G ที่ 1 ก็คือคุณต้องมี Growth คุณต้องแสดงให้เห็นว่า ที่ผ่านมา success ของคุณเพิ่มจากการเริ่มต้น  ไต่ระดับขึ้นมาถึงจุดที่ผมมองเห็นว่า G ที่ 1 ผ่าน G ที่ 2 ก็คือคุณต้องมี Gain

อันนี้เป็นสูตรของผมเอง พูดง่ายก็คือ ถ้าคุณคิดอะไรบางอย่างขึ้นมา แล้วมันไม่สามารถแปลงไปเป็น Business Model ได้นั้น ก็ไร้ค่าสำหรับนักธุรกิจ

ถ้าหากว่าคุณมี 2G นี้คุยกับผมได้เลย แล้วผมจะบอกเส้นทางต่อๆไป นอกจาก 2 G นี้ผมมองอะไรอีก แน่นอนว่าการทำตัวให้มีเสน่ห์นั้น ต้องมีเรื่องราว ที่ทำแล้วเร้าใจ ฟังแล้วมีความเป็นไปได้ ซึ่งผมจะมีทีมงานมาถามความเป็นไปได้ ทุกอย่างที่จะตัดสินใจว่า ผมจะร่วมลงทุนด้วยหรือไม่นั้น มันจะมีตัวช่วย  เรื่องของเสน่ห์ถ้าจะให้เร้าใจ ต้องรู้จักเรียบเรียงเรื่องราวที่ฟังแล้วมันโดนใจนักลงทุน

 ความมีเสน่ห์ถัดไป คือ คุณต้องให้นักลงทุนเห็นว่า คุณยังพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ  ถ้าคุณคิดอะไรขึ้นมาที่คุณคิดว่าเจ๋งสักอย่างหนึ่ง แต่คุณแช่ไว้อย่างนั้น แล้วก็ทำย่ำอยู่กับที่ อันนี้ไม่มีเสน่ห์ คุณต้องรักษาเสน่ห์ไว้ และต้องทำให้ภาพมันตอบได้เลย

การที่จะเดินไปถึงตลาดทุนได้ story เป็นเรื่องสำคัญที่สุด

“42 ปีในตลาดทุน” บอกอะไรผมหลายเรื่อง ผมจะไม่บังอาจบอกว่า ผมรู้เรื่องตลาดทุนดีที่สุด ไม่ใช่ แต่ผมรู้ว่าผมจะ Judge อย่างไรเท่านั้นเอง จะตัดสินใจอย่างไร เพื่อที่จะจูงธุรกิจหนึ่ง หรือหลายๆธุรกิจ เข้ามาร้อยเรียงกัน แล้วเข้าสู่ตลาดทุน

ฉะนั้นสำหรับผม “หัวใจคือการ plot story” ที่สวยงาม เหมาะสม ผมจึงต้องการเสน่ห์จากพวกเรา เพื่อที่จะมาเติมเต็ม story ให้ดึงดูดสถาบันการเงิน นักลงทุน และเมื่อเดินเข้าสู่ตลาดทุนนั้น จะสามารถดึงดูดแมงเม่าจำนวนมากได้ พูดในฐานะที่เคยเป็นมาก่อน  ไม่ได้ดูถูกนักลงทุน เพราะทุกคนทำใจไว้ล่วงหน้าทั้งนั้น เวลาเดินเข้าสู่การลงทุนในตลาด คือสมมติตัวเองเป็นแมงเม่าไว้ก่อน แล้วเดี๋ยวค่อยๆแก้มันไป ผมก็เริ่มต้นแบบนั้น เริ่มต้นจากแมงเม่า เจ็บแล้วเจ็บอีก แต่ว่าเราก็ไม่ยอมพ่ายแพ้ต่อความล้มเหลวทั้งหลายที่เผชิญ

ข้อสำคัญอีกข้อหนึ่งอาจจะเป็นประเด็นเล็กๆ แต่ผมจะดูว่ามีทีมหรือเปล่า ถ้ามาคนเดียวโดดๆ ผมก็ question เหมือนกันว่า “คนเดียวจะไปไหวหรือเปล่า” แต่ถ้าคุณมีทีม หรือว่ามีเพื่อนร่วมงาน ยกตัวอย่างมีเด็กหนุ่มสองคนที่ผมชอบมาก เปิดบริษัทเล็กๆ และรูปแบบโมเดลที่เขาคิดขึ้นมามันเข้าท่ามาก และเขาก็ทดลองทำจริง ไม่ใช่แค่คิด ล้มเหลวก็ลุกขึ้นมาทำใหม่ จนกระทั่งโดนใจ ผมก็เลยสนับสนุน พูดได้เลยว่าวันนี้ประสบความสำเร็จ และจะสามารถเติบโตต่อไปอย่างยิ่งใหญ่ได้บนตลาดทุน

การมีทีมไม่ใช่เป็นเงื่อนไข และไม่ใช่เป็นข้อจำกัด แต่การมีทีม เหมือนกับการส่งไม้กันต่อเนื่อง และสืบทอดกันหลายชั่วอายุ ถ้ามีคนเดียวโดดๆ เป็นอะไรไปจบ มีอีก 1 หรือ 2 บริษัทที่มาหาผม ผมตั้งคำถามว่าถ้าคุณเป็นอะไรไปแล้วทำอย่างไร คุณเตรียม Successor ไว้คือใคร เป็นเพื่อนสนิท หรือเป็นน้องที่เพิ่งจบมา เด็กสมัยนี้ความคิดเขาเร็วกว่าผมหลายเท่า

ข้อดีของการเป็น “ปลาช้าที่ถูกปลาเร็วกิน”

ในยุคนี้ ที่ใครๆก็ว่า ต้องรีบๆทำตัวเป็นปลาเร็วกินปลาช้านั้น  วิชัยบอกว่า วันนี้ผมทำตัวเป็นปลาช้า ให้เขามากลืนกิน แต่ว่าการที่ปลาเร็ว มากลืนกินปลาช้าอย่างผม ผมได้ประโยชน์ หนึ่งคือพัฒนาการ เพราะเด็กรุ่นใหม่นี้ จะมีความคิดอ่านที่ต่อเนื่อง เมื่อเขารู้สึกว่าเขากินคุณวิชัยได้นี่ เขาภูมิใจมาก คำว่ากินคุณวิชัย ไม่ได้หมายถึงมาคดโกงอะไร หมายถึงว่าเขาทำให้คุณวิชัยยอมรับเขาได้ เขาเกิดความภูมิใจ เพราะเขารู้ว่าผมตัดสินใจเข้าไปร่วมลงทุนกับพวกเขา หรือว่าเข้าไปร่วมต่อจิ๊กซอว์ให้เขา ผมมีคอนเนคชั่น ผมมีเน็ตเวิร์คที่สามารถทำได้

จากประสบการณ์ที่ผ่านมา เราเองทำธุรกิจหลากหลายมาก จนบางทีก็จำไม่ได้ กับคำถามว่าเมื่อไรจะเลิกสักที ชีวิตผมนั้นเลิกไม่ได้จริงๆ เพราะความคิดมันเดินอยู่ตลอดเวลา สิ่งหนึ่งที่ลูกขอร้องไว้ก็คือ พ่อทำอะไรอย่านับหนึ่งก็แล้วกัน พ่อเป็นนักต่อยอด ก็ต่อยอดต่อไปเถอะ แต่ที่จะมานับหนึ่งใหม่ให้เป็นภาระกับลูกๆนั้นไม่เอาแล้ว วันนี้ก็เลยทำแต่เรื่องต่อยอด  เอาเป็นว่าคนในห้องนี้ ถ้าหากคิดว่าต้องการการต่อยอด ที่มีรูปแบบอีกแบบหนึ่งก็มาร่วมกัน  เดี๋ยวจะช่วยกันผลักดันให้เท่าที่ไปได้ แต่อย่าคาดหวังมาก เมื่อใดก็ตามที่คิดว่าพร้อม

คำถามว่าลงทุนกับธุรกิจอะไรบ้างนั้น  ผมลงทุนเยอะมาก บางทีก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน น่าจะถามว่ามีอะไรที่ผมไม่ได้ลงทุนบ้าง

ส่วนในเรื่องแผนทำธุรกิจสไตล์ไหนที่สนใจ จากมุมมองและประสบการณ์  ที่เคยเขียนหนังสือเล่มแรก คือ ให้น้ำหนักกับการลงทุนกับ E&H สำหรับ E คือ Energy และ H คือ Healthcare เพราะว่าธุรกิจนี้ เป็นธุรกิจที่สร้างความมั่งคั่งให้กับผมและครอบครัวมายาวนาน

แต่ว่าในช่วง 4-5 ปีหลังมานี้ ผมเริ่มให้ความสนใจกับธุรกิจประเภทเทคโนโลยี หรือไอที เพราะมีความเชื่อว่าในอนาคตโลกมันเปลี่ยน เราไม่ใช่คนเก่ง และเราก็ไม่ได้มีความเชี่ยวชาญ หรือมีพื้นฐานทางด้านเทคโนโลยี ผมไม่มีความรู้ด้านนี้เลย แต่ผมกล้าพูดได้ว่าผมเป็นคนหนึ่ง ที่ลงทุนในธุรกิจไอทีมากที่สุด อยู่แถวหน้า และหลากหลาย

หลักการง่ายๆ ถ้าเป็นเด็กไทย คนไทยที่มีความสามารถ ผมให้เป็น First Priority   สำหรับ second priority คือคนไทยที่มีความสามารถ แต่ยังไปไม่ถึงจุดที่จะเบ่งบานตัวเองได้ และมีความสามารถดึงพาร์ทเนอร์เข้ามา อาจจะจากต่างประเทศ ก็ยังได้ เพราะคนไทยยังเป็นเมเจอร์อยู่ อันดับที่สาม คือ ประเภทที่เราก็ไม่ได้เป็นคนคิด เราไม่ได้เป็นเจ้าของเทคโนโลยี แต่สามารถเอาต่างประเทศมาแปลง เพื่อทำธุรกิจนั้นไปสู่เป้าหมายส่วนตัว เช่น Developer มาอธิบายให้ผมฟัง เมื่อเร็วๆนี้ก็มี เป็นเทคโนโลยีสิงคโปร์ แล้วคนไทยก็ไปเอามา ดัดแปลง ซึ่งเรายอมเสียค่าลิขสิทธิ์ให้เขา แล้วเอามาดัดแปลงได้ดีมาก

ผมไม่เก่งทางด้านนี้แต่ว่าผมเชื่อ วันนี้ที่มาก็เพราะว่า Believe คนแรกที่ชักชวนให้ผมเข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์ด้วย มาจากญี่ปุ่น ผ่านเจ้าหน้าที่บริหารระดับสูงของกระทรวงการคลัง เผอิญผมก็รู้จักคนไทยคนอื่นๆ ในเรื่องบล็อกเชนมาพอสมควร ผมจึงคิดว่าเรื่องแบบนี้ คนไทยน่าจะทำได้ ก็เลยไม่ได้ร่วมลงทุนกับเขา ซึ่งขณะนั้นบริษัทญี่ปุ่นที่ว่าได้งานจากแบงค์ชาติที่ประเทศกัมพูชาแล้วด้วย

การทำธุรกิจในอนาคต ถ้าระบบที่สามารถเป็นทั้งป้องกันและพัฒนาได้นั้นดีที่สุด ป้องกันความรั่วไหล ป้องกันความเสี่ยง การทำธุรกิจสำหรับผม ผมจะตัดเรื่องความเสี่ยงเป็นอันดับแรกก่อน ถ้าความเสี่ยงสูง เราก็เลือกได้ว่าจะไม่ยุ่งกับมัน ถ้าถามว่ากลุ่มนี้ผมมองเขาอย่างไร มองว่าถ้าเขาสามารถสร้างแพลตฟอร์ม เป็นศูนย์รวมของเซียนบล็อกเชนที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทยได้ ผมจะทุ่มสุดตัวให้กับพวกเขาเลย

คำแนะนำในตลาดทุน

เมื่อมาถึง คำถามยอดนิยมที่ไม่เคยมีใครพลาด ที่จะถามเขาในเรื่องของการลงทุน ในด้านของสถานการณ์และหุ้นเด่น

“ผมยังมั่นใจในการลงทุนในตลาดทุนอยู่  มีบริษัทฯในตลาดทุนหลายบริษัท ที่ยังคงสามารถทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง ก็เป็นเรื่องที่ผมเซอร์ไพรส์เหมือนกัน

 ในขณะที่โลกข้างนอก เขามีปัญหากันมากมาย แต่บริษัทในตลาดทุนของประเทศไทย ยังสามารถยืนได้อย่างมั่นคงและแข็งแรง แถมมีการเติบโต เรียกว่ามีทั้ง Growth และ Gain เพราะฉะนั้นบอกกับนักลงทุนเลยว่า ผมยังจะลงทุนในตลาดทุนต่อไป

ถ้าจะถามลงลึกว่า ผมจะลงทุนในธุรกิจเฉพาะประเภทใดหรือไม่ ตอบอย่างกว้างๆว่า “อิงรัฐบาลไว้”

บทสรุปของการลงทุนในตลาดทุน ที่ผ่านมา การลงทุนสไตล์ วิชัย ทองแตง ได้รับการยกย่องว่าเป็นกูรูแนะนำเคล็ดลับรวยหุ้นที่เป็นที่ยอมรับ แต่การลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพ ด้านไอทีและบล็อกเชน เพื่อคัดเลือกเพชรน้ำดีในวงการบริษัทสตาร์ทอัพ ด้านไอทีและบล็อกเชน คงต้องติดตามตอนต่อไป