
www.onlinenewstime.com : กรมการค้าภายใน ปรับภาพลักษณ์ใหม่ ศูนย์จำหน่ายสินค้าเกษตรชุมชน หรือฟาร์มเอาต์เล็ต (Farm Outlet) ช่วยสร้างความโดดเด่น ดึงดูดความสนใจ เป็นช่องทางการจำหน่ายที่มีศักยภาพรองรับผลผลิตของเกษตรกร และมีความสามารถในการแข่งขัน ตอบโจทย์ผู้ประกอบการ ด้านผู้เชี่ยวชาญการสร้างภาพลักษณ์ เชื่อมั่นภาพลักษณ์ใหม่ฟาร์มเอาต์เล็ต สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิตทางการเกษตร และผลิตภัณฑ์แปรรูป พร้อมเข้าถึงผู้บริโภคยุคใหม่
นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า โครงการศูนย์จำหน่ายสินค้าเกษตรชุมชน (ฟาร์มเอาต์เล็ต : Farm Outlet) ได้จัดตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี 2552 เพื่อเป็นศูนย์กลางให้กับเกษตรกร ได้นำผลผลิตทางการเกษตรและผลิตภัณฑ์แปรรูปมาจำหน่าย ควบคู่ไปกับการพัฒนาให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็งและพึ่งพาตนเองได้ ตลอดจนสร้างรายได้หมุนเวียนในท้องถิ่น
ปัจจุบันเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงจากเกษตรแบบดั้งเดิม สู่ยุคเกษตรยุค 4.0 ที่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต้องมีการปรับตัว กรมการค้าภายใน จึงได้ดำเนินโครงการส่งเสริมภาพลักษณ์ และเพิ่มศักยภาพฟาร์มเอาต์เล็ต เพื่อสร้างการรับรู้ถึงบทบาทความสำคัญ
ตลอดจนพัฒนาศักยภาพของศูนย์ ให้สามารถรองรับผลผลิตของเกษตรกร และมีความสามารถในการแข่งขัน มีการบริหารจัดการที่ดีพร้อม เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกในยุคปัจจุบัน
คาดว่าเมื่อเปลี่ยนภาพลักษณ์ใหม่ และถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับผู้ประกอบการแล้ว จะเห็นการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างชัดเจนแน่นอน
นายวิชัย กล่าวว่า กรมการค้าภายใน ได้ปรับภาพลักษณ์ใหม่ของฟาร์มเอาต์เล็ต โดยการปรับอัตลักษณ์ให้ทันสมัยมากขึ้นเพื่อตอกย้ำแบรนด์ พร้อมถ่ายทอดและให้ความรู้เรื่องภาพลักษณ์ใหม่ของฟาร์มเอาต์เล็ต แนวทางการพัฒนา การขายและการตลาดแก่กลุ่มเป้าหมาย ที่เป็นตัวแทนผู้ประกอบการศูนย์ ที่ปัจจุบันมี 66 แห่ง ใน 39 จังหวัด
รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ให้ไปในทิศทางเดียวกัน นอกจากนี้เป้าหมายปี 2562 จะส่งเสริมและพัฒนาศูนย์ฯ เพิ่มขึ้นอีก 7 แห่งอีกด้วย ทั้งนี้ที่ผ่านมาต้องขอขอบคุณผู้มีส่วนสนับสนุนทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคเอกชน ที่ให้การสนับสนุนเลือกใช้ และประชาสัมพันธ์ผลผลิตทางการเกษตร และผลิตภัณฑ์ของเกษตรกรไทยอย่างต่อเนื่องอาทิ สมาคมภัตตาคารไทย สมาคมเดอะเชฟ สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ สมาคมเชฟแห่งประเทศไทย ตลอดจนห้างสรรพสินค้าต่างๆ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด บริษัท เซ็นทรัลฟู้ด รีเทล จำกัด บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด เป็นต้น ที่เปิดพื้นขายให้กับสินค้าเกษตรไทย
นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างภาพลักษณ์ กล่าวว่า การปรับภาพลักษณ์ใหม่ของฟาร์มเอาต์เล็ต มีความจำเป็นเพื่อให้ก้าวทันกับเกษตรกรสมัยใหม่ ที่จำเป็นต้องใช้การตลาด นำการผลิต ตลอดจนใช้นวัตกรรมหรือการสร้างภาพลักษณ์ที่ชัดเจนเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตร
ซึ่งฟาร์มเอาต์เล็ตได้เปิดดำเนินการมานานกว่า 10 ปีแล้ว บางศูนย์ยังขาดจุดดึงดูดความสนใจของผู้บริโภค และบางศูนย์การบริหารจัดการยังไม่เป็นระบบ และไม่เป็นที่รู้จักของผู้บริโภคอย่างกว้างขวาง
ที่สำคัญพบว่าปัจจุบัน
“การทำเกษตรยุคใหม่ เกษตรกรไม่ใช่แค่ทำหน้าที่เป็นผู้ผลิต แต่ต้องมองให้ครบรอบด้าน ตั้งแต่ต้นทางการผลิต ไปจนถึงตลาดปลายทาง และให้ความสำคัญ กับความต้องการผู้บริโภค รู้จักใช้เทคโนโลยี เข้ามาช่วยยกระดับธุรกิจ ภาพลักษณ์ที่ดีและชัดเจนถือเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะสะท้อนตัวตนและสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมาย ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเข้าถึงผู้บริโภคยุคใหม่ได้มากขึ้น”
สำหรับโครงการส่งเสริมภาพลักษณ์ใหม่ฟาร์มเอาต์เล็ตดังกล่าวนี้ ได้เริ่มตั้งแต่การสำรวจความคิดเห็น ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ที่มีต่อฟาร์มเอาต์เล็ต อาทิ เกษตรกร สถาบันเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน ผู้ที่สนใจจะเป็นผู้ประกอบการ และตัวแทนผู้ประกอบการ รวมไปถึงความคิดเห็นของตัวแทนผู้บริโภค ที่มีประสบการณ์การซื้อผลิตภัณฑ์ของฟาร์มเอาต์เล็ต ในพื้นที่เป้าหมายไม่น้อยกว่า 34 ศูนย์ รวมไม่น้อยกว่า 400 ราย เพื่อรับฟังความคิดเห็นและนำมาวิเคราะห์จนได้ภาพลักษณ์ใหม่ออกมานี้
นายวิชาญ ช่วยชูใจ ผู้บริหารศูนย์ Farm Outlet ร้านทางไท จังหวัดสงขลากล่าวว่า การเปิดฟาร์มเอาต์เล็ต เป็นการช่วยเหลือเกษตรกร ให้มีช่องทางการจำหน่ายสินค้าทางการเกษตรเพิ่มขึ้นเป็นการสร้างมูลค่าสินค้าอย่างเป็นระบบ สินค้าที่จำหน่ายมีคุณภาพ สด สะอาด ปลอดภัย เป็นการเพิ่มช่องทางการตลาด และยังได้มีการสร้างเครือข่ายการผลิต การตลาด กับกลุ่มเกษตรกรผู้ผลิต และอยากให้ผู้ประกอบการฟาร์มเอาต์เล็ตทุกราย นอกจากการมองตลาดในประเทศแล้ว ให้มองไกลไปถึงตลาดต่างประเทศด้วย เพราะเชื่อมั่นว่าสินค้าเกษตรไทยมีคุณภาพและมาตรฐานระดับสากล
นางสาวกมลพร ตรียะชาติ ผู้บริหารศูนย์ Organic Farm Outlet จังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า ผู้ประกอบการฟาร์มเอาต์เล็ต แต่ละรายต้องมีการปรับตัวให้สอดรับ กับการปรับภาพลักษณ์ใหม่ เช่น ปรับโฉมร้านค้าให้ทันสมัย เพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวก เพิ่มช่องทางจำหน่ายผ่านออนไลน์ พัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้สินค้าเป็นที่น่าสนใจขึ้น เพิ่มการตลาด และการประชาสัมพันธ์ให้มากขึ้น เป็นการสร้างความแตกต่างและโดดเด่นให้กับร้านของตัวเอง