Onlinenewstime.com : กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศไทยเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว แต่สภาพอากาศกลับผันผวน ฝนตกหนักต่อเนื่องทั่วประเทศ โดยเฉพาะกรุงเทพฯ และปริมณฑลเมื่อคืนที่ผ่านมา (2 พ.ย. 2568) ส่งผลน้ำท่วมขังหลายจุด ขณะที่กรมชลฯ รายงานปริมาณน้ำเขื่อนใหญ่หลายแห่ง พร้อมเฝ้าระวังลุ่มเจ้าพระยาและคลองสายหลักเสี่ยงล้นตลิ่ง หากมีฝนตกซ้ำช่วงสัปดาห์นี้
หลังกรมอุตุนิยมวิทยาประกาศว่า ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม 2568ที่ผ่านมา แต่สภาพอากาศกลับยังไม่เข้าสู่ความเย็นอย่างแท้จริง โดยล่าสุดได้ออกประกาศเตือน “อากาศแปรปรวน” เนื่องจาก “แนวร่องมรสุมกำลังแรง” พาดผ่านภาคใต้ตอนบน ภาคกลางตอนล่าง และภาคตะวันออก เข้าสู่ “หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง” ประกอบกับ “ลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้” พัดปกคลุมภาคเหนือและภาคกลาง
ส่งผลทำให้หลายพื้นที่ของประเทศไทยตอนบน รวมถึงกรุงเทพฯ และปริมณฑล เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องและมีอากาศเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลัน

เมื่อค่ำวันที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา กรุงเทพฯ เผชิญกับสถานการณ์ฝนตกต่อเนื่องหลายชั่วโมงตั้งแต่ช่วงเย็นถึงดึก โดยกรมอุตุนิยมวิทยาและสำนักการระบายน้ำ กทม. รายงานเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2568 ถึง 10 อันดับปริมาณฝนสูงสุดในกรุงเทพมหานคร วันที่ 2 พ.ย. (07.00 น.) – 3 พ.ย. (07.00 น.) ได้แก่
- หลักสี่ 131.5 มม.
- บางนา 116.5 มม.
- พระโขนง 115.5 มม.
- คลองเตย 105.5 มม.
- จตุจักร 96.0 มม.
- วังทองหลาง 89.0 มม.
- วัฒนา 85.5 มม.
- บางกะปิ 83.0 มม.
- ยานนาวา 81.0 มม.
- ลาดกระบัง 77.5 มม.
ส่งผลทำให้หลายจุดมีน้ำท่วมขังบนถนน เช่น ถนนงามวงศ์วาน รัชดาฯ–ห้วยขวาง และพหลโยธินบางช่วง เนื่องจากฝนตกในช่วงเวลาการจราจรหนาแน่นและระบายน้ำไม่ทัน
ด้านกรมชลประทาน รายงานสถานการณ์น้ำล่าสุด (3 พ.ย. 2568) พบว่า 4 เขื่อนหลักกลุ่มเจ้าพระยามีปริมาณน้ำสูง เช่น เขื่อนภูมิพล จ.ตาก มีน้ำร้อยละ 96 ของความจุ เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ ร้อยละ 97 เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน ร้อยละ 101 และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ร้อยละ 100 ส่งผลให้กรมชลฯ ต้องเร่งบริหารจัดการน้ำอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา ซึ่งแม่น้ำเจ้าพระยาที่สถานีวัดน้ำบางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา มีระดับน้ำสูงขึ้นต่อเนื่องและอยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวังล้นตลิ่ง

สำหรับพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล พบว่าระดับน้ำในคลองสายสำคัญ เช่น คลองแสนแสบ คลองลาดพร้าว และคลองพระโขนง มีระดับน้ำเพิ่มขึ้น 10–20 เซนติเมตร จากเมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งเป็นผลจากฝนตกสะสมและการระบายน้ำจากพื้นที่ตอนเหนือเข้าสู่กรุง ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเร่งเปิดประตูระบายน้ำและติดตั้งเครื่องสูบน้ำในจุดวิกฤตตลอดคืนที่ผ่านมา
เมื่อเปรียบเทียบข้อมูลปริมาณฝนสะสมกับระดับน้ำในเขื่อนและแม่น้ำเจ้าพระยา พบว่ามีความเสี่ยงต้องติดตามสถานการณ์ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำฝั่งตะวันออก เช่น ลาดกระบัง มีนบุรี หนองจอก และแนวแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง เช่น เขตบางพลัด บางกอกน้อย และบางบำหรุ ซึ่งต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษหากมีฝนตกซ้ำในช่วง 3–5 วันข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม กรมอุตุนิยมวิทยาระบุว่า สถานการณ์ฝนหนักในประเทศไทยจะถึงวันที่ 4 พฤศจิกายน 2568 โดยหลังจากนั้น ฝนจะลดลงในวันที่ 5-6 พฤศจิกายน แต่จะมีฝนตกเพิ่มขึ้นอีกครั้งในช่วงวันที่ 7-8 พฤศจิกายน 2568 เนื่องจากผลกระทบของพายุโซนร้อน “คัลแมกี” ที่จะเคลื่อนผ่าน โดยฝนตกหนักจะเกิดขึ้นในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกบางส่วน หลายจังหวัดยังคงต้องเฝ้าระวังฝนตกหนักและอากาศแปรปรวนในช่วงเวลาดังกล่าว
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมขังให้ติดตามประกาศจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมเคลื่อนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง โดยเฉพาะช่วงเวลาฝนตกหนักในช่วงบ่ายถึงค่ำ ขณะที่เจ้าหน้าที่ กทม. ได้จัดชุดปฏิบัติการเร่งระบายน้ำในจุดวิกฤตกว่า 50 จุดทั่วเมือง เพื่อป้องกันผลกระทบต่อการจราจรและพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ
