fbpx
News update

“แมวไทย” ทำไมต้องเป็นเอกลักษณ์ชาติ? เปิดที่มา ความหมายและโอกาส Soft Power ก่อน ครม.ประกาศรับรอง

Onlinenewstime.com : จากมติครม. ที่เห็นชอบให้ “แมวไทย” เป็น เอกลักษณ์ประจำชาติ ประเภทสัตว์เลี้ยง เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2568 นับเป็นอีกก้าวสำคัญของการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์พื้นถิ่นไทย และการยืนยันอธิปไตยทางวัฒนธรรมบนเวทีโลก

โดยเฉพาะเมื่อแมวไทยหลายสายพันธุ์กำลังถูกต่างชาตินำไปจดทะเบียนสายพันธุ์มากขึ้นเรื่อย ๆ

ประกาศครั้งนี้จึงไม่ได้เป็นเพียงการ ให้สถานะสำคัญกับแมวไทย แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการปกป้องมรดกวัฒนธรรม และพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่เกี่ยวข้อง

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการกำหนดให้แมวไทยเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติ ประเภทสัตว์เลี้ยง ตามที่คณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ (กอช.) เสนอ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2507 – 2567 คณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติกำหนดเอกลักษณ์ประจำชาติไทยในมิติต่าง ๆ เช่น

กำหนดให้ “ช้างไทย” เป็นสัตว์ประจำชาติ

กำหนดให้ “ปลากัดไทย” เป็นสัตว์น้ำประจำชาติ

กำหนดให้ “นาค” เป็นเอกลักษณ์ประจำชาติ ประเภทสัตว์ในตำนาน

กำหนดให้ “การไหว้” เป็นเอกลักษณ์ประจำชาติ ประเภทการทักทายและการแสดงความเคารพแบบไทย

แมวไทยในประวัติศาสตร์ จากตำราโบราณสู่สัตว์มงคลของสยาม

แมวไทยมีหลักฐานการปรากฏในสังคมไทยมายาวนานหลายร้อยปี โดยถูกบันทึกไว้ใน “สมุดข่อยตำราแมวไทย” สมัยอยุธยา–ต้นรัตนโกสินทร์ ซึ่งระบุรูปลักษณ์ นิสัย ความเชื่อ และความเป็นมงคลของแมวแต่ละชนิดอย่างละเอียด

ในสังคมไทยโบราณ แมวไม่ได้เป็นเพียงสัตว์เลี้ยง แต่ถูกมองเป็น สัตว์แห่งโชคลาภ ความคุ้มครอง และความเจริญรุ่งเรือง เช่น วิเชียรมาศ เชื่อว่าพาโชค, ศุภลักษณ์ สื่อถึงความมั่งมี, โกญจา ป้องกันสิ่งไม่ดี, ขาวมณี สัญลักษณ์แห่งความบริสุทธิ์และบารมี

ความผูกพันระหว่างคนไทยกับแมวจึงฝังรากอยู่ในวัฒนธรรม สมุดข่อย งานจิตรกรรมวัด และพิธีกรรมหลายรูปแบบ

แมวไทย 5 สายพันธุ์สุดท้าย ที่เหลืออยู่จริงในประเทศ

ตามผลการศึกษาของคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ (กอช.) และข้อมูลทางพันธุกรรมระบุว่า ปัจจุบัน แมวไทยพันธุ์แท้ที่ยืนยันได้ มีเพียง 5 สายพันธุ์เท่านั้น

ศุภลักษณ์ (Burmese Thai Type เก่า) – สีน้ำเงินน้ำตาลทอง ทรงคุณค่าทางวัฒนธรรม

โคราช (Korat Cat) – สี “ดอกเลา” เทาอมเงิน ตาสีเขียวอ่อน มีถิ่นกำเนิดที่พิมาย

วิเชียรมาศ (Thai Siamese) – ขาวแต้มจุดเข้ม 9 จุด ต้นแบบ Siamese ที่ดังทั่วโลก

โกญจา – แมวดำสนิททั้งตัว พบยากมาก เป็นสัญลักษณ์มงคลโบราณ

ขาวมณี – ขนขาวทั้งตัว ตาสองสีที่โด่งดังในวงการเพาะพันธุ์ทั่วโลก

หลายสายพันธุ์เหล่านี้ได้รับความนิยมในต่างประเทศจนมีสมาคมต่างชาติพยายามกำหนดมาตรฐานพันธุ์โดยอิงจากแมวไทย ทำให้เกิดความเสี่ยงว่า “ไทยอาจเสียสิทธิ์การเป็นเจ้าของสายพันธุ์” หากไม่เร่งจัดทำมาตรฐานของตัวเอง

เสี่ยงสูญพันธุ์–เสี่ยงถูกแย่งสิทธิ์ทางวัฒนธรรม

โฆษกรัฐบาลระบุว่า ข้อเสนอของ กอช. มาจากผลการศึกษาชัดเจนว่าแมวไทยกำลังเผชิญความเสี่ยงหลายด้าน

ประการแรก ความเสี่ยงด้านพันธุกรรม แมวไทยแท้กำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง เพราะผสมข้ามกับแมวต่างประเทศ ทำให้ลักษณะดั้งเดิมเลือนหาย และยากต่อการพิสูจน์สายพันธุ์ตามหลักวิทยาศาสตร์

ประการที่สอง ต่างชาติพยายามขึ้นทะเบียนสายพันธุ์ก่อนไทย ตัวอย่างเช่น โคราชและวิเชียรมาศ ถูกขึ้นทะเบียนในสมาคมต่างประเทศมานานกว่าไทย ซึ่งในบางกรณีใช้ลักษณะที่ไม่ตรงกับสายพันธุ์ดั้งเดิมของไทย

ประการที่สาม ไทยไม่มี Breed Standard ของตัวเอง การขาดเกณฑ์สายพันธุ์ที่เป็นมาตรฐาน ทำให้ไทยเสียเปรียบในระดับนานาชาติ ทั้งในด้านสิทธิ์ปกป้องพันธุกรรม และมูลค่าทางเศรษฐกิจ

การประกาศครั้งนี้จึงเป็นเหมือน “การทวงคืนสิทธิ์” ก่อนสายพันธุ์แมวไทยจะถูกนิยามโดยต่างชาติแทนคนไทยเอง

แมวไทย Soft Power ที่ซ่อนอยู่ของไทย

แมวไทยได้รับความนิยมสูงในญี่ปุ่น สหรัฐ ยุโรป และตะวันออกกลาง โดยเฉพาะ “ขาวมณี” ที่ราคาสูงถึงหลักหลายหมื่นถึงแสนบาทในต่างประเทศ (ขึ้นกับข้อมูลที่ต้องสืบเพิ่ม)

ข้อมูลตลาดสัตว์เลี้ยงไทยจาก ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics คาดการณ์มูลค่าตลาดสัตว์เลี้ยงของไทยในปี 2568 จะมีมูลค่าราว 9.2 หมื่นล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 13.2% จากปีที่ผ่านมา จึงเป็นโอกาสสำคัญในการเชื่อมโยง Soft Power เข้ากับเศรษฐกิจ เช่น การเพาะพันธุ์เพื่อการส่งออก, เส้นทางท่องเที่ยวตามแหล่งกำเนิด แมวโคราช–พิมาย, งานประกวดระดับนานาชาติ, คอนเทนต์วัฒนธรรม เช่น เกม แอนิเมชัน, การตลาดเชิงสร้างสรรค์, สินค้าของที่ระลึก–ศิลปะร่วมสมัย

ภาครัฐเตรียมเดินหน้าต่อจัดทำมาตรฐาน–สร้างฐานข้อมูล–ผลักดันสู่สากล

หลังมติ ครม. กระทรวงวัฒนธรรมเตรียมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินมาตรการต่อเนื่อง เช่น จัดทำ Thai Cat Breed Standard, ทะเบียนพันธุกรรมแมวไทย, พัฒนา ศูนย์อนุรักษ์แมวไทย, กำหนดแนวทางการเพาะพันธุ์เชิงอนุรักษ์, สร้าง เส้นทางท่องเที่ยววัฒนธรรมแมวไทย, ผลักดันงานประกวดแมวไทยระดับนานาชาติ

ทั้งหมดนี้จะเป็นตัวตัดสินว่าแมวไทยจะถูกยกระดับเป็น “ทรัพย์สินวัฒนธรรม” ที่ยั่งยืนได้จริงหรือไม่

หากเดินหน้าการอนุรักษ์และพัฒนาได้ครบทุกมิติ แมวไทยอาจก้าวสู่ตำแหน่ง Soft Power ใหม่ของชาติ เป็นตัวแทนวัฒนธรรมไทยที่ชาวโลกยอมรับในอนาคต