fbpx
News update

แบงก์ชาติ เร่งปรับมาตรการจัดการ “บัญชีม้า” ลดผลกระทบผู้บริสุทธิ์–อายัดปลดเร็วใน 4 ชั่วโมง

Onlinenewstime.com : ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ร่วมมือ ศปอท.-ปปง.-บช.สอท. และธนาคารพาณิชย์ ปรับแนวทางจัดการ “บัญชีม้า” หลังพบประชาชนผู้สุจริตถูกกระทบจากการอายัดธุรกรรม หวังเพิ่มประสิทธิภาพกักเงินจากมิจฉาชีพ แต่ลดภาระผู้บริสุทธิ์ให้น้อยที่สุด

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยความคืบหน้ามาตรการจัดการบัญชีม้า โดยตระหนักถึงปัญหาที่มาตรการอายัดหรือระงับธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก ซึ่งหลายรายถูกอายัดเงินเพียงเพราะอยู่ในเส้นทางการโอนที่มิจฉาชีพใช้ต่อทอดไปยัง “บัญชีม้า”

ที่ผ่านมา ศูนย์ปฏิบัติการเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ศปอท.) ภายใต้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DE) ได้ร่วมมือกับธนาคารพาณิชย์ (ธพ.) เพื่อขยายขอบเขตการติดตามเส้นทางเงิน เพื่อกักเงินและนำกลับคืนให้ผู้เสียหายได้มากที่สุด

แต่กระบวนการดังกล่าวมักสร้างผลกระทบไปถึงผู้ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด เพราะเงินที่หลอกลวงหมุนเวียนในระบบซื้อขายออนไลน์จำนวนมาก

ธปท. จึงได้หารือร่วมกับ ศปอท. สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) และธนาคารพาณิชย์ เพื่อปรับปรุงขั้นตอน โดยมุ่งเน้นการบรรเทาผลกระทบต่อผู้สุจริต ขณะเดียวกันยังคงรักษาประสิทธิภาพในการกักเงินให้กับผู้เสียหาย

อย่างไรก็ตาม สาเหตุหลักของการถูกระงับธุรกรรม คือ การที่บัญชีเข้าไปอยู่ในเส้นทางการเงินของมิจฉาชีพ ซึ่งระบบจะทำการติดตามและระงับเงินไว้ชั่วคราว (3-7 วัน) เพื่อให้ตำรวจมีเวลาในการสืบสวนและออกหมายอายัดบัญชีที่เป็นม้าจริง ๆ ต่อไป

แม้ว่าเป้าหมายหลักคือการช่วยเหลือผู้เสียหายโดยการกักเงินคืนให้ได้มากที่สุด แต่ก็ยอมรับว่ากระบวนการนี้ส่งผลกระทบข้างเคียงไปยังผู้บริสุทธิ์ที่อยู่ในเส้นทางการเงินนั้นด้วยสำหรับมาตรการแก้ไขปัญหาและบรรเทาผลกระทบต่อผู้บริสุทธิ์ที่ถูกระงับธุรกรรม (ที่มักเข้าใจผิดว่าเป็นการอายัดบัญชี) อย่างครอบคลุม โดยแบ่งเป็น 3 แนวทางหลักที่กำลังดำเนินการอยู่ ดังนี้

1. การปลดระงับธุรกรรมให้รวดเร็วขึ้น (ดำเนินการแล้ว) มาตรการนี้มีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือผู้บริสุทธิ์ที่ถูกระงับเงินไปแล้ว ให้ได้รับการปลดล็อกโดยเร็วที่สุด โดยช่องทางการแจ้งเรื่อง: ผู้ที่เชื่อว่าตนเองเป็นผู้บริสุทธิ์และถูกระงับธุรกรรม สามารถติดต่อได้ที่ ศูนย์ AOC 1441 กด เพื่อแจ้งขอปลดการระงับ

กระบวนการและหลักเกณฑ์การพิจารณา โดย AOC จะรวบรวมรายชื่อและส่งให้ธนาคารตรวจสอบตาม “หลักเกณฑ์กลาง” ที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน และธนาคารจะตรวจสอบว่าบุคคลนั้นมีชื่อเป็นบัญชีม้าในระบบหรือไม่ (เช่น บัญชีม้าสีดำ, ม้าเทาเข้ม) หากมีชื่ออยู่ก็จะไม่ได้รับการปลด หากไม่พบประวัติเสีย จะพิจารณาจากพฤติกรรมการทำธุรกรรม เช่น เป็นการรับชำระเงินมูลค่าน้อย (เช่น ค่าก๋วยเตี๋ยว) หรือ มีลักษณะการเดินบัญชีเป็นปกติเหมือนร้านค้าทั่วไป แม้ยอดเงินจะสูงก็ตาม

โดยระยะเวลา จากเดิมที่ต้องรอครบกำหนด 3 หรือ 7 วันจึงจะปลดได้ ตอนนี้กระบวนการจะรวดเร็วขึ้นมาก โดยเร็วที่สุดประมาณ 4 ชั่วโมงต่อรอบ และอย่างช้าที่สุดน่าจะเสร็จสิ้นภายใน 1 วันทำการ โดยมีการส่งข้อมูลให้ธนาคารพิจารณาวันละ 3 รอบ (11:00 น., 15:00 น., 19:00 น.) เพื่อให้กระบวนการต่อเนื่อง

2. การ “กวาด” หรือระงับธุรกรรมเท่าที่จำเป็น (จะแล้วเสร็จในเดือนกันยายน) เป็นมาตรการเชิงรุกเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบตั้งแต่แรก โดยมีเป้าหมาย เพื่อปรับปรุงระบบการต่อเส้นทางการเงิน (CFR) ให้มีความแม่นยำขึ้น โดยจะ ไม่ระงับธุรกรรมของบัญชีที่ดูเป็นผู้บริสุทธิ์ตั้งแต่ต้น

โดยหลักการ จะนำหลักเกณฑ์ที่ใช้ในการ “ปลดระงับ” (ข้อ 1) มาปรับใช้ในขั้นตอนการ “กวาด” หรือต่อเส้นเงินเลยหากระบบพบว่าบัญชีปลายทางมีลักษณะเป็นร้านค้าหรือเป็นการทำธุรกรรมในชีวิตประจำวัน ก็จะไม่ทำการระงับธุรกรรม โดยกรอบเวลามาตรการนี้ตั้งเป้าว่าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน.

3. การแจ้งข้อมูลให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบทราบอย่างชัดเจน เพื่อลดความสับสนและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับประชาชนที่ถูกระงับธุรกรรม โดยปัญหาในปัจจุบัน ผู้ใช้บริการมักไม่ทราบว่าตนเองถูกระงับธุรกรรมด้วยเหตุใด และมักเข้าใจผิดว่าเป็นการ “อายัดทั้งบัญชี”

ซึ่งแนวทางแก้ไข จะมีการพัฒนาระบบเพื่อแจ้งเตือนเจ้าของบัญชีผ่านช่องทางต่างๆ เช่น SMS หรือ Mobile Banking ให้ทราบข้อมูลสำคัญดังนี้ เป็นการ “ระงับธุรกรรม” ชั่วคราว ไม่ใช่ “การอายัดบัญชี” โดยยอดที่เหลือในบัญชียังใช้ได้ปกติ สำหรับระยะเวลาที่ถูกระงับ กำลังอยู่ระหว่างการหารือและพัฒนาโดยแต่ละธนาคาร และคาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน

โดยสรุป รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังปรับสมดุลระหว่างการช่วยเหลือผู้เสียหายและการลดผลกระทบต่อผู้บริสุทธิ์ โดยใช้แนวทาง “ปลดให้เร็ว กวาดเท่าที่จำเป็น และแจ้งข้อมูลให้ชัดเจน” เพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชนและร้านค้าสามารถใช้บริการโอนเงินดิจิทัลได้อย่างสะดวกและปลอดภัยต่อไป

การปรับปรุงดังกล่าวถูกมองว่าจะช่วยให้การดำเนินการ “เร็วขึ้น-แม่นยำขึ้น” ลดภาระผู้บริสุทธิ์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการทุจริต ขณะเดียวกันยังเป็นการเพิ่มโอกาสให้เงินที่ถูกหลอกลวงถูกกักและส่งคืนให้ผู้เสียหายได้มากที่สุด