fbpx
News update

บสย. เร่งเครื่องยกระดับ “กลไกค้ำประกันสินเชื่อ” พลิกโฉมการช่วยเหลือ SMEs ชู Quick Big Win 5 หมื่นล้านบาท ปลุกเศรษฐกิจไทย

Onlinenewstime.com : บสย. เดินหน้ายกระดับ “กลไกค้ำประกันสินเชื่อ” สู่กลไกค้ำประกันหลักเชื่อมโยงเงินทุนและโอกาสให้ SMEs เปิดยอดค้ำประกัน 11 เดือน 35,781 ล้านบาท ช่วยผู้ประกอบการเข้าถึงสินเชื่อในระบบ 45,337 ราย ชูมาตรการใหม่ “ค้ำประกันสินเชื่อ Quick Big Win” 5 หมื่นล้านบาท เติมสภาพคล่องเร่งด่วน พร้อมประกาศทิศทางปี 2569 มุ่งพลิกโฉมการช่วยเหลือ SMEs ทุกมิติ

นับเป็นครั้งแรกในรอบ 34 ปีที่ บสย. ขยายการค้ำประกันไปยังกลุ่มรถกระบะ เพื่อช่วย SMEs รายย่อย กลุ่มอาชีพอิสระ เกษตรกร และธุรกิจขนส่งขนาดเล็ก ซื้อรถกระบะเป็นเครื่องมือทำมาหากินได้ง่ายขึ้น โดยตลอดปี 2569 บสย. จัดเตรียมวงเงินประมาณ 3,700 ล้านบาท สิ้นสุดรับคำขอค้ำประกันในวันที่ 30 ธันวาคม 2569

โดยประเภทธุรกิจค้ำประกันสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1. การบริการ 33.2% 2. อาหารและเครื่องดื่ม 10.3% และ 3. เกษตรกรรม 7.9% ซึ่งทั้ง 3 อุตสาหกรรมมีสัดส่วนค้ำประกัน 51% สะท้อนถึงทิศทางการเติบโตของอุตสาหกรรมหลักในประเทศ ซึ่งได้รับอานิสงส์จากความต้องการสินค้าและบริการที่เพิ่มขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการลงทุนที่ขยายตัวช่วงไฮซีซั่น

บสย. ยังประสบความสำเร็จในการช่วยเหลือ SMEs ลูกหนี้ที่ บสย. จ่ายเคลม ผ่านมาตรการ“บสย. พร้อมช่วย” หรือ มาตรการ 3 สี (ม่วง เหลือง เขียว)

โดยตั้งแต่ออกมาตรการในปี 2565 ถึงปัจจุบัน สามารถช่วยลูกหนี้ที่ถูกจ่ายเคลมไปแล้วถึง 23,664 ราย คิดเป็นมูลหนี้สะสม 15,439 ล้านบาท (เฉพาะ ม.ค. – พ.ย. 2568 ปรับโครงสร้างหนี้ 5,250 ราย คิดเป็นมูลหนี้ 3,588 ล้านบาท) และสามารถช่วยลูกหนี้ “ปลดหนี้” 882 ราย เกือบ 50% เป็นกลุ่มเปราะบาง เงินต้นไม่เกิน 2 แสนบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 34 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้ง บสย.

  1. ฟรี! ค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 3 ปีแรก มุ่งลดภาระทางการเงินให้ SMEs
  2. ชำระค่าธรรมเนียมต่ำ เริ่มต้นเพียง 1% ต่อปี ตามวงเงินคงเหลือในปีที่ 4
  3. คิดค่าธรรมเนียมตามระดับความเสี่ยง (RBP) โดยใช้ บสย. Credit Scoring
  4. ชดเชย NPL ในอัตราสูง (Max Claim) เพื่อกระตุ้นการปล่อยสินเชื่อให้ SMEs มากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ มาตรการค้ำประกันสินเชื่อ “บสย. Quick Big Win” ถือเป็น “มาตรการพิเศษ” เพื่อช่วยเหลือ SMEs ในภาวะเศรษฐกิจที่มีปัจจัยลบรอบด้าน มีเป้าหมายสำคัญเพื่อกระตุ้นให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อ ด้วยการจ่ายเคลม (จ่ายค่าประกันชดเชย) ในอัตราสูง (Max Claim) เมื่อเทียบกับโครงการค้ำประกันสินเชื่อโครงการอื่นๆ

ซึ่งถือเป็นการดูดซับความเสี่ยงด้าน Credit Cost และเพิ่มโอกาสด้านเครดิต (Credit Enhancement) ให้กับทั้ง SMEs และสถาบันการเงิน เพื่อลดอัตราการปฏิเสธสินเชื่อ (Rejection Rate) และทำให้สถาบันการเงินมีความเชื่อมั่นในการพิจารณาสินเชื่อเพิ่มให้กับ SMEs มากยิ่งขึ้น

ตลอดเวลาที่ผ่านมา บสย. ได้ยกระดับองค์กรในด้านต่างๆ ต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มศักยภาพในการช่วยเหลือ SMEs และเตรียมความพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงในทุกมิติ โดยทิศทางในปี 2569 ชู 3 กลยุทธ์หลัก เพื่อพลิกโฉมการช่วยเหลือ SMEs ในประเทศไทย ที่สามารถจับต้องได้อย่างเป็นรูปธรรม ประกอบด้วย

  1. บูรณาการข้อมูล TCG Score ของ บสย. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามนโยบายกระทรวงการคลัง เพื่อเพิ่มโอกาสให้ SMEs รายย่อย คนตัวเล็ก ที่มีปัญหาในการเข้าถึงสินเชื่อ สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้ง่ายขึ้น และมีต้นทุนทางการเงินสอดคล้องกับระดับความเสี่ยง
  2. ยกระดับสำนักงานเขต บสย. 11 แห่งทั่วประเทศ ก้าวสู่ “ศูนย์กลางทางการเงิน” (Digital Branch in Branch) เชื่อมต่อกับสถาบันการเงินต่างๆ ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยพัฒนาระบบแอพพลิเคชั่น นำข้อมูลของ SMEs ที่มารับคำปรึกษาหรือใช้บริการ บสย. ผ่านสำนักงานเขต และ LINE OA : @tcgfirst คัดกรองผ่าน บสย. Credit Scoring และส่งต่อข้อมูลให้สถาบันการเงินที่เหมาะสม เพิ่มโอกาสของ SMEs ในการเข้าถึงสินเชื่อได้มากยิ่งขึ้น
  3. พัฒนาผลิตภัณฑ์ค้ำประกันสินเชื่อ (Specific Segment Guarantee) จากปัจจุบัน บสย. มีผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาขึ้นตามกลุ่มลูกค้า (Product by Segment) 5 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากพิษเศรษฐกิจต่างๆ, กลุ่มที่ต้องการเงินลงทุนเพื่อขยายธุรกิจ, กลุ่มเปราะบาง พ่อค้า แม่ค้า Startup, ธุรกิจที่ปรับตัวเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ และกลุ่มที่ต้องการเช่าซื้อรถกระบะเป็นเครื่องมือทำมาหากิน จากนี้จะมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ค้ำประกันสินเชื่อที่ตอบโจทย์ความต้องการ SMEs ในกลุ่มต่างๆ อย่างเฉพาะเจาะจง ซึ่งจะทำให้ บสย. เป็นกลไกค้ำประกันหลัก ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของ SMEs ได้อย่างแท้จริง
  4. เดินหน้าแก้หนี้ “กลุ่มเปราะบาง” สำหรับลูกหนี้ที่ บสย. จ่ายเคลม เงินต้นไม่เกิน 2 แสนบาท ผ่านมาตรการ “บสย. พร้อมช่วย” หรือ มาตรการ 3 สี “ม่วง เหลือง เขียว” เน้นยืดระยะเวลาการผ่อนชำระ ตัดเงินต้นเพิ่มขึ้น พร้อมลดต้นสูงถึง 30% เพื่อช่วยกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย Micro SMEs พ่อค้า แม่ค้า อาชีพอิสระ สามารถปลดหนี้ได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น สอดคล้องกับนโยบายภาครัฐ ในโครงการ “ปิดหนี้ไว ไปต่อได้” ที่มุ่งช่วยเหลือ ลูกหนี้รายย่อย ปลดหนี้ แก้หนี้อย่างยั่งยืน