Onlinenewstime.com : บริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ Jubilee (ชื่อหุ้น : JUBILE) ผู้นำธุรกิจเครื่องประดับเพชรแท้อันดับหนึ่งของเมืองไทย ภายใต้แบรนด์ “ยูบิลลี่ ไดมอนด์” เพชรแท้คุณภาพระดับ World class ตอกย้ำความมุ่งมั่นเดินหน้าสร้างการเติบโตในครึ่งปีหลัง 2566
ชูกลยุทธ์ Customer Centric Data Driven ยึดความต้องการของลูกค้าเป็นตัวตั้งผสานแนวคิด Digital Transformation ขับเคลื่อนธุรกิจด้วย Data (ข้อมูล) และเทคโนโลยี AI (ปัญญาประดิษฐ์) ยกระดับประสบการณ์ให้ลูกค้า ตอบโจทย์ทุกความต้องการ
ปักธงลงทุนวางรากฐานด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีเต็มกำลัง เชื่อเป็นเครื่องมือสำคัญในการคิดค้นวางกลยุทธ์ได้แม่นยำและรวดเร็วมากขึ้น พร้อมรับมือพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เผยผลประกอบการช่วงไตรมาสที่ 2 ปี 2566 มีรายได้ 384.8 ลบ. กำไร 41.5 ลบ. หากไม่รวมค่าใช้จ่ายพิเศษ
นางสาวอัญรัตน์ พรประกฤต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ Jubilee (ชื่อหุ้น:JUBILE) เปิดเผยว่า พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การดำเนินธุรกิจเต็มไปด้วยความท้าทายซึ่งเรายังคงมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการยกระดับประสบการณ์ให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ภายใต้กลยุทธ์ Customer Centric Data Driven
โดยเอาโจทย์ความต้องการของลูกค้าเป็นตัวตั้ง ผสานแนวคิด Digital Transformation นำเทคโนโลยีสุดล้ำอย่าง AI (Artificial Intelligence) หรือ ปัญญาประดิษฐ์มาใช้ในกระบวนการทำงาน และสิ่งที่ทำให้เข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริงคือ Data Management จากฐานข้อมูลลูกค้าสมาชิกที่มีอยู่กว่า 2 แสนราย
ดังนั้น จึงมีการใช้ Data มาบริหารจัดการทั้งในเรื่องการออกแบบสินค้าและการบริการ รวมถึงราคาของสินค้า ทำให้เสนอสินค้าและบริการได้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างถูกต้องแม่นยำ ตลอดจนใช้ Data ในเรื่องการปฏิบัติงานด้วย เรียกได้ว่า Jubilee เป็นองค์กรที่ใช้ Data ในการวางแผนธุรกิจทุกส่วน
“การดำเนินธุรกิจในครึ่งหลังของปี 2566 Jubilee ยังให้ความสำคัญกับใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีมาพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการ เพราะแม้อนาคตเป็นสิ่งคาดเดาไม่ได้ แต่เชื่อว่าสิ่งที่จะช่วยให้สร้างกลยุทธ์ต่าง ๆ ได้รวดเร็ว ทันท่วงที และมีความแม่นยำมากขึ้นคือ
การวางรากฐานเรื่อง Data และการใช้เทคโนโลยี โดยสิ่งหนึ่งที่ทำให้ Jubilee ผ่านวิกฤตในช่วงที่ผ่านมาได้ เป็นเพราะมีฐานข้อมูล ซึ่งจริง ๆ แล้ว Jubilee เติบโตมาจากคำว่า นวัตกรรม โดยเป็นผู้บุกเบิกทำให้ช่องทางจำหน่ายรูปแบบเคาน์เตอร์เพชรเกิดขึ้นในห้างสรรพสินค้า และค่อย ๆ ทรานส์ฟอร์มสร้างรูปแบบช่องทางการจัดจำหน่ายมากขึ้นเรื่อย ๆ ผ่านการเก็บ Data สู่การสร้าง Jubilee Online Store ซึ่งเป็นอีกหนึ่งช่องทางหลักที่เข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่
โดยเราได้ใช้ Data มาทำสิ่งใหม่ ๆ ให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง พยายามสร้างประสบการณ์บนออนไลน์ให้กับลูกค้าเหมือนไปช้อปที่หน้าร้าน เราคิดตลอดเวลาว่าจะเอานวัตกรรมไปเกี่ยวข้องกับความต้องการของลูกค้าได้อย่างไร”
นางสาวอัญรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า Jubilee ได้นำเทคโนโลยี AI มาใช้ในการพัฒนากลยุทธ์ที่จุดขายในสาขาทั่วประเทศ โดยใช้ Edge Computing และ Computer Vision แบบ Real-time ทำการวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้า เพื่อให้เป็นไปอย่างแม่นยำ รวดเร็ว
สอดคล้องกับปริมาณข้อมูลที่มีจำนวนมากและหลากหลาย รวมถึงนำ AI ที่เข้าใจภาษาธรรมชาติ หรือ NLU เข้ามาเพื่อสังเคราะห์สิ่งที่ลูกค้าต้องการจริง ๆ ออกมา โดยไม่ชี้นำลูกค้า พร้อมกับการใช้ Automatic Workflow ในการบริหารประสบการณ์ลูกค้า ที่พร้อม Reaction แบบเรียลไทม์ได้อย่างทันทีในกรณีที่ลูกค้าเกิดประสบการณ์ที่ไม่ประทับใจในการใช้บริการผ่านช่องทางขายของ Jubilee ถือเป็นการทำ Real – Time Customer Experience Management ที่เป็นการวัดความพึงพอใจลูกค้าที่รวดเร็วและทันสมัยที่สุด
ทั้งนี้ ในไตรมาส 2 ปี 2566 มียอดขายรวม 384.8 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 12.4 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2565 และมีกำไรสุทธิหากไม่รวมผลขาดทุนจากการตัดรายการสินทรัพย์ทางการเงินสุทธิจากภาษี 12 ล้านบาท จะอยู่ที่ 41.5 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 45.6 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2565
ส่งผลให้ผลประกอบการในงวด 6 เดือนแรกของปี 2566 มียอดขายรวม 791.7 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 10.8 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2566 และมีกำไรสุทธิหากไม่รวมผลขาดทุนจากการตัดรายการสินทรัพย์ทางการเงินสุทธิจากภาษี 12 ล้านบาท 110.5 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 33.7 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2565
“สิ่งสำคัญอันดับแรกที่ทำให้ Jubilee ดำเนินธุรกิจมาได้ยาวนานกว่า 94 ปีคือ คุณภาพของสินค้า เริ่มตั้งแต่เพชรทุกเม็ดนำเข้าจากแหล่งเจียระไนเพชรที่ดีที่สุดของโลกฝั่งตะวันตก เมืองแอนต์เวิร์ป ประเทศเบลเยี่ยม ผนวกกับการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงจากประเทศญี่ปุ่นในฝั่งตะวันออก
ดังนั้น เครื่องประดับเพชรของเราจึงเป็นระดับ World class Journey และการออกแบบดีไซน์ของแบรนด์ ยูบิลลี่ ไดมอนด์ ยังมีเอกลักษณ์เฉพาะ เพื่อสร้างประสบการณ์สุดพิเศษให้กับลูกค้า ซึ่งเป็นหัวใจในการทำการตลาดของ Jubilee และเป็นส่วนสำคัญที่จะสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจได้เป็นอย่างดี” คุณอัญรัตน์ กล่าวทิ้งท้าย
นอกจากนี้ Jubilee ยังให้ความสำคัญลงทุนระบบในการวัดความต้องการและพึงพอใจของลูกค้า เพื่อวัดผลและฟังความคิดเห็นที่ลูกค้ามีต่อแบรนด์ เพราะหัวใจสำคัญในการทำการตลาดของ Jubilee คือ การสร้างประสบการณ์สุดพิเศษให้กับลูกค้า (Customer Experience) ซึ่งจะนำไปใช้ทรานส์ฟอร์มเพื่อการพัฒนาบริการในทุกจุด
อีกทั้งยังมี Net Promoter Score ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดความพึงพอใจหลังจากลูกค้าเข้ามารับบริการ เช่นเดียวกับแบรนด์ระดับโลก โดยในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาของปีนี้ ค่าเฉลี่ย NPS ของแบรนด์ ยูบิลลี่ ไดมอนด์ อยู่ที่ 81.9 ถือว่าลูกค้ามีความพึงพอใจและอยากบอกต่อ ซึ่งโดยภาพรวมแล้วยังมีส่วนที่สามารถพัฒนาเพิ่มเติมได้อีกในอนาคต