
Onlinenewstime.com : ‘ไอ-เฮิร์บ’ ส่ง ‘มาริโอ้ เมาเร่อ’ พรีเซนเตอร์ สร้างภาพจำคนรุ่นใหม่เจาะตลาดยาอมสมุนไพร ทางเลือกเพื่อสุขภาพ อมได้แม้ไม่มีอาการ ชุ่มคอ รสชาติดี มาพร้อมประโยชน์คงเดิม
โดยวางเป้าหมายสู่ ‘ท็อป ออฟ มายด์’ ผู้บริโภคภายใน 3 ปี ด้วยกลยุทธ์ขยายการรับรู้แบรนด์ สร้างความคุ้นเคยกับกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันเพื่อสร้างประสบการณ์แบรนด์ที่ไร้รอยต่อ เชื่อเป็นกุญแจแห่งความสำเร็จในการสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งในระยะยาว เพื่อการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
คุณพันธิกันต์ สุวรรณคีรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิลลิเมด จำกัด ผู้ผลิตและทำตลาดเม็ดอมสมุนไพรไอ-เฮิร์บ (I-HERB) กล่าวว่า จากจุดเริ่มต้นการพัฒนา I-HERB ภายใต้แนวคิดเม็ดอมสมุนไพรสูตรใหม่ปราศจากน้ำตาล
โดย ไอ-เฮิร์บ ได้วางตำแหน่งทางการตลาดในกลุ่ม (Segment) ผลิตภัณฑ์สมุนไพรจากธรรมชาติ มีจุดเด่นตอบโจทย์ด้านรสชาติที่ดี แต่ยังคงประโยชน์ด้านสุขภาพเหมือนเดิม ซึ่งสอดคล้องกับเทรนด์พฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ในปัจจุบัน ที่ต้องการ ‘สินค้าเพื่อสุขภาพที่ให้ประสบการณ์ดี’
ผลักดันให้การทำตลาดเม็ดอมสมุนไพร I-HERB ตลอดช่วงที่ผ่านมาได้การตอบรับดีทั้งในกลุ่มผู้บริโภคคนไทย และ กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่นิยมซื้อสินค้าสมุนไพรเพื่อเป็นของฝากของที่ระลึก
จากแนวโน้มดังกล่าว บริษัทฯ มองเห็นโอกาสการทำตลาดเชิงรุกเม็ดอมสมุนไพรอย่างต่อเนื่องในปี 2568 ล่าสุด บริษัทฯ ได้เลือก ‘มาริโอ้ เมาเร่อ’ นักแสดงชายชื่อดังมาเป็นพรีเซนเตอร์แบรนด์ไอ-เฮิร์บ เป็นครั้งแรก พร้อมใช้เครื่องมือสื่อสารการตลาดครบวงจร เพื่อขยายฐานผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ในวงกว้างมากขึ้น
“การร่วมงานในครั้งนี้กับมาริโอ้ ด้วยคาแรกเตอร์ที่มีความเป็นธรรมชาติ เข้าถึงง่าย และวางตัวดี มีฐานแฟนคลับหลากหลายทุกเพศวัยทั้งในและต่างประเทศ ที่สำคัญยังบาลานซ์ด้านการดูแลสุขภาพและการใช้ชีวิตของตัวเองได้เป็นอย่างดี
ซึ่งจะช่วยสะท้อนภาพลักษณ์เม็ดอมสมุนไพรไอ-เฮิร์บ ให้มีภาพลักษณ์ที่ทันสมัยมากขึ้นในกลุ่มคนรุ่นใหม่ และยังคงความเป็นธรรมชาติ ความน่าเชื่อถือของแบรนด์ ไว้ได้อย่างลงตัว” คุณพันธิกันต์กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังได้จัดกิจกรรมแคมเปญการตลาดเพื่อสื่อสารกับผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายครอบคลุมสื่อทุกช่องทาง (Mixed Media) อาทิ ภาพยนต์โฆษณา (TVC), สื่อนอกบ้าน (Out of Home), สื่อในร้านค้า (In-Store Media) เพื่อสร้างการตัดสินใจซื้อ ณ จุดขาย รวมถึงการจัดกิจกรรมการตลาดออน กราวด์ (On-ground Marketing) โดยแจกตัวอย่างสินค้าให้ทดลองใช้จริง และการใช้สื่อออนไลน์
พร้อมทั้งการจัดกิจกรรมในช่องทางโซเชียลมีเดียให้กับผู้บริโภคได้ร่วมสนุกพร้อมรับของรางวัลมากมาย เพื่อสร้างประสบการณ์แบรนด์แบบไร้รอยต่อ และสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่ง (Brand Loyalty) ในระยะยาว
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเลือกใช้แพลตฟอร์มสื่อโซเชียลมีเดีย แบบเฉพาะเจาะจงไปยังกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะชาวจีน ซึ่งเป็นหนึ่งตลาดสำคัญของ ไอ-เฮิร์บ ไปพร้อมกันด้วย
“บริษัทฯ วางเป้าหมายผลักดันให้แบรนด์ไอ-เฮิร์บ เป็นที่จดจำในกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ในวงกว้างได้มากขึ้น มุ่งเน้นไปที่การสร้าง Brand Presence ที่แข็งแกร่งและเข้าถึงผู้บริโภคในทุก Touchpoint อย่างแท้จริง โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อขยายการรับรู้แบรนด์ในวงกว้าง และสร้างความคุ้นเคย (Brand Familiarity) กับกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน
ด้วยพฤติกรรมการเสพสื่อของผู้บริโภคในปัจจุบันที่มีความหลากหลายและเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในทุกช่องทางด้วยการนำเสนอประสบการณ์แบรนด์ที่ไร้รอยต่อ (Seamless Brand Experience) จึงมีความสำคัญและเป็นเครื่องมือในการสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งในระยะยาว เพื่อการเติบโตของแบรนด์ที่ยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง” คุณพันธิกันต์กล่าว
ขณะเดียวกันยังเพื่อเป็นการสื่อสารการทำตลาดเม็ดอมสมุนไพรไอ-เฮิร์บ ที่ถูกพัฒนาขึ้นตามหลักการและจุดเด่นของแบรนด์ ภายใต้ชื่อ I-HERB คือ
- I – Ingredients การคัดสรรวัตถุดิบที่ดี มีคุณภาพ
- H – High Quality ให้ความสำคัญและใส่ใจตลอดทุกกระบวนการผลิต ซึ่งได้การรับรองจากรางวัล อย. ควอลิตี้ อวอร์ด อย่างต่อเนื่อง 3 ปีซ้อน
- E – Extraordinary พิเศษด้วยรสชาติที่อร่อยลงตัว ทานง่ายจนลืมภาพจำของรสสมุนไพรแบบเดิมๆ
- R – Result ให้ประสิทธิภาพเห็นผลจริง
- B – Benefit เพื่อให้ได้ประโยชน์ที่ดีที่สุด
ปัจจุบัน ไอ-เฮิร์บ มีสินค้าหลัก ประกอบด้วย เม็ดอมสมุนไพร ยาอมและยาน้ำแก้ไอ และ สเปรย์พ่นคอ มีช่องทางจำหน่ายหลัก ในร้านขายยาทั่วประเทศ, ร้านสะดวกซื้อ 7-11, Jiffy และ ทัวริสต์ สโตร์ (Tourist Store)
รวมถึงช่องทางอี-คอมเมิร์ซ ได้แก่ Lazada และ Tiktok shop เพื่อให้ครอบคลุมและเข้าถึงทุกพฤติกรรมการซื้อสินค้าของกลุ่มเป้าหมาย โดยเม็ดอมสมุนไพร I-HERB ราคาจัดจำหน่ายอยู่ที่ซองละ 32 บาท
พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังวางแผนขยายการเติบโตธุรกิจในอนาคตจากการพัฒนาสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง และการทำตลาดส่งออกในต่างประเทศโดยเบื้องต้นจะเป็นตลาดเอเชีย พร้อมวางเป้าหมายสู่การเป็น ‘ท็อป ออฟ มายด์’ (Top of mind) แบรนด์ในใจผู้บริโภค คาดเห็นความชัดเจนใน 3 ปีนี้ โดยปัจจุบันแบรนด์ไอ-เฮิร์บ มีสัดส่วนรายได้คิดเป็น 10% ของยอดขายรวมของบริษัท
คุณพันธิกันต์กล่าวว่า ตลอดช่วงที่ผ่านมา แม้ว่าตลาดยาอมสมุนไพรในประเทศไทยจะยังไม่มีการเก็บตัวเลขขนาดตลาดอย่างชัดเจน แต่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องอย่างก้าวกระโดดหลังยุคโควิด-19 จากแรงขับเคลื่อนทั้งพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น
และการแข่งขันด้านนวัตกรรมรสชาติ คุณสมบัติ ไปจนถึงรูปแบบผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายแบรนด์ ทั้งรายเดิมและผู้เล่นรายใหม่ต่างเร่งพัฒนาจนเกิดการแข่งขันสูงในกลุ่มผลิตภัณฑ์ 4 ประเภทหลัก ได้แก่ ยาอมแบบเม็ดแข็ง, เม็ดตอก, เม็ดลูกกลอน และยาอมแบบลูกอม (soft lozenge)
“ไอ-เฮิร์บ จะเข้ามาตอบโจทย์นี้ ด้วยเห็นโอกาสในตลาดยาอมสมุนไพร ที่ยังสามารถเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยว และผู้บริโภควัยทำงานที่หันมาใส่ใจสุขภาพ แต่ไม่ต้องการรสชาติที่ขมแบบยาอมสมุนไพรเดิม ๆ” คุณพันธิกันต์กล่าวทิ้งท้าย