fbpx
News update

6 เทรนด์ ESG ปี 2568 จาก ‘วิถียั่งยืน’ สู่ ‘วิสัยยั่งยืน’ อนาคตธุรกิจต้องรู้

Onlinenewstime.com : “สถาบันไทยพัฒน์เปิด 6 เทรนด์ ESG ปี 2568 ในงานเสวนา ‘ESG from the Right Paradigm’ จัดโดย สถาบันไทยพัฒน์ และมูลนิธิบูรณะชนบทแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์” 6 ทิศทาง ESG ปี 2568: จาก ‘วิถียั่งยืน’ สู่ ‘วิสัยยั่งยืน’

กิจการที่ตระหนักว่า แม้การประกอบธุรกิจของตนจะอยู่ในวิถียั่งยืน (มาได้ถูกทาง) แต่ก็มิได้เป็นเครื่องรับประกันว่าจะเดินทางถึงปลายทางความยั่งยืนได้จริง ยังจำเป็นจะต้องมีพาหนะสำหรับการเดินทางที่เหมาะสม หรืออีกนัยหนึ่งคือ การพัฒนาวิสัยยั่งยืน (ให้ไปถึงที่หมาย)

ด้วยการบ่มเพาะสมรรถนะบุคลากรและการจัดสรรทรัพยากรสำหรับการดำเนินการกับปัจจัยด้าน ESG ที่มีนัยสำคัญและสอดคล้องกับบริบททางธุรกิจ พร้อมกับปรับแนวการดำเนินงานและจุดเน้นขององค์กรให้สอดรับกับวิสัยสามารถ (Capacity) ที่กิจการพัฒนาขึ้นเพื่อขับเคลื่อนสู่ความยั่งยืนอย่างมีสมรรถภาพ

กิจการที่อาศัยกลยุทธ์ความยั่งยืนเป็นเครื่องมือดำเนินงานมาแล้วระยะหนึ่ง จะเริ่มดำเนินการผนวกเรื่องความยั่งยืนเข้ากับกลยุทธ์องค์กร

โดยมีคณะกรรมการบริษัทคอยตรวจสอบดูแล (Oversight) ดำเนินการศึกษาและปรับแต่งเครื่องมือและตัววัดเกี่ยวกับความยั่งยืนที่สอดคล้องกับบริบทของกิจการและเป็นไปตามมาตรฐานที่สากลยอมรับ สำหรับใช้กำกับดูแลให้มีความสมดุลรอบด้าน โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยคณะกรรมการชุดย่อยเข้ามาทำหน้าที่แทนอีกต่อไป

บริษัทจดทะเบียน จำเป็นต้องสร้างความรู้ความเข้าใจแก่คณะกรรมการบริษัทต่อการกำกับดูแลกิจการที่เกี่ยวโยงกับสภาพภูมิอากาศ รวมถึงปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ที่เป็นสาระสำคัญ ทั้งในมุมมองที่เป็นความเสี่ยงและโอกาสซึ่งกระทบต่อผลประกอบการขององค์กร (Outside-in Perspective)

และในมุมมองที่เป็นผลกระทบสู่ภายนอกทั้งต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมโดยรวม (Inside-out Perspective) เพื่อนำไปสู่การจัดทำรายงานความยั่งยืนสำหรับเปิดเผยต่อผู้ลงทุนและผู้มีส่วนได้เสียตามมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง

กิจการซึ่งอยู่ในข่ายที่ต้องดำเนินการตามข้อกำหนดด้านความยั่งยืนระหว่างประเทศ จำเป็นต้องศึกษาและจัดเตรียมข้อมูลการตรวจสอบสถานะ (Due Diligence) และจัดทำแผนการเปลี่ยนผ่าน รวมถึงอาจต้องมีการปรับปรุงกระบวนการผลิตสินค้าและบริการให้สอดคล้องกับมาตรฐานที่มีความเข้มงวดยิ่งขึ้น เนื่องจากกฎระเบียบดังกล่าวมีผลทั้งในทางตรงและในทางอ้อมกับบริษัททั้งภายในและภายนอกสหภาพยุโรปที่เกี่ยวโยงกันผ่านห่วงโซ่การผลิตโลก

จากการเปิดเผยข้อมูลในรายงานทางการเงินให้แก่ผู้ลงทุนเป็นพื้นฐาน และเพิ่มเติมมาสู่การเตรียมเปิดเผยข้อมูลทางการเงินเกี่ยวกับความยั่งยืนตามมาตรฐาน IFRS S1 และ IFRS S2 เพื่อตอบสนองต่อความคาดหวังของผู้ลงทุนในยุคปัจจุบัน กิจการที่ต้องการสื่อสารกับผู้มีส่วนได้เสียในวงกว้าง

ซึ่งมิได้สนใจเฉพาะข้อมูลทางการเงินเกี่ยวกับความยั่งยืน ยังคงมีการจัดทำรายงานความยั่งยืนตามมาตรฐาน GRI เพื่อให้ข้อมูลที่เปิดเผยครอบคลุมถึงการพึ่งพาและผลกระทบสู่โลกภายนอก (Real-world Impact Report) ตามอุปสงค์ของผู้ใช้ข้อมูลกลุ่มดังกล่าว

ในปี 2568 จะมีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ที่ใช้มาตรฐานการรายงานข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพ ในการเปิดเผยข้อมูลการดำเนินธุรกิจที่เชื่อมโยงกับความหลากหลายทางชีวภาพตามเป้าหมายปลอดความสูญเสียสุทธิ (No Net Loss) เป็นเป้าหมายถัดจากการเปิดเผยข้อมูลการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวโยงกับสภาพภูมิอากาศตามเป้าหมายสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในจำนวนที่เพิ่มขึ้น