fbpx
News update

29 ต.ค. วันอัมพาตโลก แนะสังเกตอาการ พบแพทย์เร็ว ลดเสี่ยงอัมพฤกษ์ อัมพาต

Onlinenewstime.com : สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา แนะประชาชนสังเกตอาการ โรคอัมพาต – โรคหลอดเลือดสมอง หากใบหน้าอ่อนแรง หรือหน้าเบี้ยว สับสน พูดลำบาก พูดไม่ชัด ควรนำส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด ช่วยลดเสี่ยงโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต

องค์การอัมพาตโลก (World Stroke Organization : WSO) ได้กำหนดให้วันที่ 29 ตุลาคมของทุกปี เป็นวันรณรงค์อัมพาตโลก (World Stroke Day) เพื่อให้ประชาชนเกิดความตื่นตัว และตระหนักถึงความสำคัญของโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งปัจจุบันเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญระดับโลก รวมถึงเป็นสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิต

นายแพทย์เฉลิมพล โอสถพรมมา ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา กล่าวว่า วันที่ 29 ตุลาคม ของทุกปีเป็นวันอัมพาตโลก (World Stroke Day) ประเด็นการรณรงค์ในปี 2563 นี้ คือ “JOIN THE MOVEMENT : เคลื่อนไหวไปด้วยกัน ป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง” ด้วยการมีพฤติกรรมสุขภาพที่ดี ผ่านกิจวัตรประจำวันที่ได้ใช้กำลัง หรือเพิ่มกิจกรรมทางกาย และการออกกำลังกายสม่ำเสมอ พฤติกรรมเหล่านี้จะช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง

สคร.12 สงขลา แนะนำวิธีในการสังเกตตัวเองและคนใกล้ชิดว่ามีอาการของโรคหลอดเลือดสมองหรือไม่ ได้โดยให้สังเกตอาการหรือสัญญาณเตือน “F.A.S.T” ดังนี้

F (Face) ใบหน้าอ่อนแรง เวลายิ้มมุมปากข้างหนึ่งจะตก, A (Arm) แขนหรือขาอ่อนแรง ยกไม่ขึ้นหนึ่งข้าง, S (Speech) พูดลำบาก ไม่ชัด มีปัญหาในการพูด และ T (Time) หากมีอาการข้างต้นให้รีบไปโรงพยาบาลทันที ภายใน 4.30 ชั่วโมง (รวมถึงได้รับการรักษา) เพื่อจะได้รับการรักษา และสามารถฟื้นฟูให้กลับมาได้เป็นปกติมากที่สุด

การรักษาที่ดีที่สุด คือ การป้องกันไม่ให้เป็นโรคอัมพาต ซึ่งการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเอง เพื่อดูแลสุขภาพร่างกาย สามารถป้องกันโรคหลอดเลือดสมองหรืออัมพาตได้

เริ่มตั้งแต่การตรวจวัดความดันโลหิตอย่างสม่ำเสมอ ควบคุมระดับไขมันและน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์เหมาะสม เลิกสูบบุหรี่ ลดการรับประทานอาหารรสเค็ม เลี่ยงอาหารไขมันสูง รับประทานผักและผลไม้ทุกวัน ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ และออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งจะช่วยลดอัตราตาย และลดความพิการลงได้ นายแพทย์เฉลิมพล กล่าว

ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับโรคหลอดเลือดสมองหรือโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต สามารถโทรศัพท์สอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422

error: Content is protected !!