fbpx
News update

หารือเข้ม เล็งส่งเสริมไม้ยูคาลิปตัส ให้เป็นไม้ที่สามารถใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจได้

Onlinenewstime.com : กรมพัฒนาธุรกิจการค้า นัดหน่วยงานพันธมิตร ร่วมหารือแนวทาง ในการส่งเสริมและผลักดันให้ไม้ยูคาลิปตัส นำมาใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจ ให้เห็นเป็นรูปธรรม หวังช่วยเกษตรกรรายย่อย ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น และช่วยเพิ่มพื้นที่ป่าให้ประเทศไทย

นายพูนพงษ์  นัยนาภากรณ์ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุม เพื่อนำเสนอโครงการส่งเสริมไม้ยูคาลิปตัสเป็นหลักประกันทางธุรกิจ โดยมีหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนที่ดำเนินธุรกิจไม้ ตัวแทนเกษตรกร และสถาบันการเงินเข้าร่วม

ประกอบด้วย กรมพัฒนาธุรกิจการค้า บริษัท สยามฟอเรสทรี จำกัด สมาคมการค้าชีวมวลไทย ผู้แทนสมาคมธนาคารไทย พร้อมสมาชิกของสมาคม ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ กรุงไทย กสิกรไทย ไทยพาณิชย์ ยูโอบี ธนชาติ เกียรตินาคิน และธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อย เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2563 ณ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า

โดยเผยว่าผลการประชุม ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน เนื่องจากทางสถาบันการเงินยังมีความกังวลใจใน 2 ประเด็น เกี่ยวกับการประเมินราคาต้นไม้ และการตรวจสอบต้นไม้ ว่าจะยังคงสภาพอยู่ ตลอดระยะเวลาการให้สินเชื่อหรือไม่ แต่คาดว่าไม่น่ามีปัญหาในภาพรวม และจะหารือกันเชิงลึกเพื่อขจัดข้อกังวลใจให้หมดไปในเร็วๆ นี้

ความคืบหน้าจากการประชุมในครั้งนี้ ทาง บริษัท สยามฟอเรสทรี จำกัด ในเครือของ SCG ได้คัดเลือกเกษตรกรที่เป็นสมาชิก และมีคุณสมบัติตามโครงการ มาร่วมนำเสนอแนวคิดให้สถาบันการเงินพิจารณาถึงเงื่อนไข และความเป็นไปได้ในการอนุมัติปล่อยสินเชื่อ

ซึ่งระยะเวลาการปลูก จนสามารถตัดขายได้ของต้นยูคาลิปตัส อยู่ที่ 5 ปี แต่เกษตรกรอยากทราบว่าระหว่างปีที่ 3-5 ต้นไม้เริ่มเติบโตเห็นผลแน่นอนแล้ว หากระหว่างนี้ เกษตรกรสนใจ ที่จะลงทุนปลูกเพิ่มในพื้นที่อื่นๆ เพื่อให้มีอายุการตัดไล่เลี่ยกัน และมีรายได้เข้ามาทุกปี จึงประสงค์นำต้นไม้รอตัดเหล่านั้นไปเป็นหลักประกัน ในการขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินได้หรือไม่ 

ซึ่งทางสถาบันการเงิน ยังมีข้อติดขัด 2 ประการ คือ 1) วิธีการประเมินราคาของไม้ยูคาลิปตัส 2) การติดตามตรวจสอบต้นไม้ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่นำมาใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจกับธนาคารนั้น จะยังคงสภาพอยู่ตลอดระยะเวลาการให้สินเชื่อหรือไม่

พร้อมเสนอเป็นข้อพิจารณา ให้กับทางบริษัท สยามฟอเรสทรี จำกัด ว่า ถ้าทางบริษัทฯ หรือ SCG เข้ามาช่วยสนับสนุนใน 2 เรื่องที่กังวลอยู่ได้หรือไม่

ขณะเดียวกัน ได้ขอให้ทางบริษัท สยามฟอเรสทรี ปรับโครงการให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งสมาคมธนาคารไทย จะเชิญธนาคารสมาชิก ที่มีโครงการให้สินเชื่อกับเกษตรกรมาหารือในโอกาสต่อไปซึ่งจากนี้ไป ได้มอบให้บริษัท สยามฟอเรสทรี ดำเนินการปรับปรุงโครงการ ให้มีความชัดเจน และมีความเป็นไปได้มากที่สุด ตามที่สมาคมธนาคารไทยได้ให้ข้อเสนอแนะไว้ และจะเชิญหน่วยงานพันธมิตร กลับมาหารือเชิงลึกอีกครั้งในเร็วๆ นี้

ส่วนสมาคมการค้าชีวมวลไทย ได้นำเสนอต้นไม้อีกชนิดหนึ่ง เพื่อเป็นทางเลือก คือ กระถินยักษ์ ซึ่งมีรอบตัดฟันสั้น แค่ 1.8 ปี ก็สามารถตัดขายได้ กำไรดี โดยทางสมาคมยินดีรับผลผลิต เข้าสู่โรงงานพลังงานไฟฟ้าชีวมวล เนื่องจากเป็นต้นไม้ที่สามารถใช้ประโยชน์ ได้ทั้ง เมล็ด ใบ และลำต้น อีกทั้งยังเป็นที่ต้องการของตลาด โดยจะเสนอให้พิจารณากระถินยักษ์ เป็นไม้ชนิดต่อไปในการนำมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ รองอธิบดีกล่าวในท้ายที่สุด

error: Content is protected !!