
Onlinenewstime.com : ความยั่งยืนไม่ใช่เกิดจากเพียงการแข่งขันเพื่อให้ตัวเองอยู่รอดเท่านั้น แต่สังคมรอบข้างต้องอยู่รอดด้วย ซึ่งความเป็นเลิศ ไม่ได้วัดการแต่เพียงความเป็นเลิศทางวิชาการ แต่วัดกันด้วยการนำองค์ความรู้มาทำให้สังคมและสิ่งแวดล้อมดีขึ้นด้วย
อาจารย์ แพทย์หญิงมนทกานติ์ โอประเสริฐสวัสดิ์ รองอธิการบดีฝ่ายโครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์มหาวิทยาลัยมหิดล ได้กล่าวถึงงานพันธกิจสัมพันธ์ (Social Engagement) ที่ดำเนินการโดยวิทยาเขตนครสวรรค์นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นการเรียนการสอน การวิจัย และการบริการวิชาการที่เกี่ยวข้องกับชุมชน โดยถือเป็นนโยบายหลัก
เนื่องด้วยวิทยาเขตนครสวรรค์ มีที่ตั้งอยู่ในชุมชนตำบลเขาทองอำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ การสร้างเครือข่ายชุมชนจึงเป็นเรื่องสำคัญ งานวิจัยส่วนใหญ่ของวิทยาเขตนครสวรรค์ จึงเกิดจากความร่วมมือกับชุมชน จากการลงพื้นที่จริง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของคนในชุมชน ในลักษณะร่วมกันคิดร่วมกันทำ
โดยมีเป้าหมายเพื่อความสำเร็จร่วมกัน เมื่อชุมชนเข้มแข็ง วิทยาเขตนครสวรรค์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนก็จะได้รับผลจากการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนสามารถขยายผลสู่ระดับประเทศได้ต่อไป
“โครงการวิจัยเพื่อการแก้ปัญหายาเหลือใช้ในผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs)” นำทีมโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุภาภรณ์ คำเรืองฤทธิ์ อาจารย์ประจำโครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นตัวอย่างหนึ่งในโครงการพันธกิจสัมพันธ์ (Social Engagement) ของวิทยาเขตฯ ที่นับเป็น “ปัญญาของแผ่นดิน” ตามปณิธานของมหาวิทยาลัยมหิดล
จากการลงพื้นที่ชุมชนตำบลเขาทอง อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ ผ่านการประสานงาน โดยโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพส่วนตำบล (รพ.สต.) บ้านเขาทอง แล้วพบปัญหาผู้สูงวัย ที่เป็นผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ส่วนใหญ่มักลืมรับประทานยา และมียาเหลือใช้
ซึ่งเมื่อนำมาประเมินมูลค่าพบว่า จะเป็นการสูญเสียทรัพยาก รและสิ้นเปลืองงบประมาณด้านการรักษาพยาบาลของประเทศ จึงได้คิดค้นนวัตกรรม “กระเป๋าคืนยาช่วยชาติ” เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว
โดยมี อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.) เป็นเรี่ยวแรงสำคัญ ในการช่วยจัดและแจกกระเป๋าย ารวมทั้งให้คำแนะนำ ควบคู่ไปกับการรณรงค์ผ่านสื่อวิทยุชุมชนตำบลเขาทอง โดยทีมวิจัยที่มีทั้งอาจารย์ เภสัชกรพยาบาล และนักศึกษาของวิทยาเขตฯ ร่วมด้วยช่วยกันอย่างแข็งขัน
“กระเป๋าคืนยาช่วยชาติ” ได้รับสนับสนุนทุนวิจัยจาก ศูนย์วิชาการเฝ้าระวังและพัฒนาระบบยา (กพย.) และ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) นอกจากด้านใน จะมีช่องใส่ยาที่แยกประเภทยาก่อนและหลังอาหารอย่างชัดเจน เพื่อให้ง่ายต่อการให้ผู้ป่วยสูงวัยหยิบยามารับประทานแล้ว
ยังออกแบบโดยใช้กุศโลบายที่ทำด้านหนึ่งของกระเป๋ายาด้านนอกให้มีรูปนาฬิกา เพื่อเป็นเครื่องหมายคอยเตือน ไม่ให้ผู้ป่วยสูงวัยลืมรับประทานยา และเมื่อพลิกอีกด้านของกระเป๋ายา จะเห็นข้อความเตือนใจให้ส่งคืนยาเมื่อมียาเหลือ พร้อมแสดงสถิติงบประมาณที่รัฐต้องสูญเสียหากมียาเหลือใช้
โดยทีมวิจัยมีความตั้งใจจะขยายผลโครงการฯ ไปยังชุมชนอื่น ที่ไม่มีสถานีวิทยุประจำชุมชนเป็นสื่อเสริม แต่จะใช้สื่อบุคคลโดยให้คนในชุมชนด้วยกันเองช่วยกันแนะนำ ซึ่งจะเป็นการให้คนในชุมชนได้ดูแลซึ่งกันและกันเพื่อความยั่งยืนได้ต่อไป