Onlinenewstime.com : นายแพทย์ธนินทร์ เวชชาภินันท์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า 15 พฤษภาคม ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว โรคที่พบบ่อยในช่วงฤดูฝน ส่วนมากมักเป็นโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ไข้ไวรัสอาร์เอสวี (RSV) ซึ่งทำให้มีหลอดลมอักเสบ, ปอดอักเสบติดเชื้อหรือปอดบวม รวมถึงโรคมือเท้าปากและโรคไข้เลือดออกที่มีการระบาดในช่วงหน้าฝนนี้เช่นกัน
โรคไข้หวัดใหญ่ เกิดจากไวรัสไข้หวัดใหญ่ ติดต่อจากการได้รับเชื้อที่ปนเปื้อนอยู่ในอากาศ เมื่อผู้ป่วยไอ จาม หรือพูดในพื้นที่ที่มีคนอยู่รวมกันหนาแน่น เช่น โรงเรียน ห้างสรรพสินค้า
นอกจากนี้การแพร่เชื้ออาจเกิดโดยการสัมผัสฝอยละอองน้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วย จากมือที่สัมผัสกับพื้นผิวที่มีเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ จากนั้นใช้มือสัมผัสที่จมูกและปาก อาการโดยทั่วไปมีอาการเหมือนเป็นไข้หวัด แต่อาการมักเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันและรุนแรงมากกว่าไข้หวัดธรรมดา เช่น ไข้สูง ปวดเมื่อยตามตัวมาก อ่อนเพลียมาก เจ็บคอรุนแรง ไอมาก
ส่วนโรคไข้ไวรัสอาร์เอสวี (RSV) สาเหตุเกิดจากไวรัส RSV (Respiratory Syncytial Virus) สามารถติดต่อผ่านสารคัดหลั่งต่าง ๆ ในร่างกาย โดยเฉพาะการติดต่อจากการสัมผัส น้ำมูก น้ำลาย ละอองจากการไอ จาม หรือการสัมผัสสิ่งแวดล้อมที่ปนเปื้อนสารคัดหลั่ง มีอาการ ไข้ ไอ จาม น้ำมูกไหล เมื่ออาการโรคมีมากขึ้นจะทำให้เกิดหลอดลมฝอยอักเสบ ปอดอักเสบ มีอาการเหนื่อย หอบ หายใจลำบาก
สำหรับโรคมือเท้าปาก สาเหตุเกิดจากการติดเชื้อไวรัส Human enteroviruses ติดต่อผ่านการสัมผัสกับน้ำลาย น้ำมูก ตุ่มน้ำใส หรือผื่นบริเวณผิวหนังของผู้ที่เป็นโรค อาการจะเริ่มจากมีไข้ เจ็บคอ เบื่ออาหาร งอแง ต่อมาจะมีแผลในปากและลำคอ มีผื่นลักษณะตุ่มน้ำ ใส หรือจุดนูนแดง บนฝ่ามือ ฝ่าเท้า หรือ บริเวณก้น
ในส่วนของโรคไข้เลือดออกนั้น สาเหตุเกิดจากการติดเชื้อไวรัสไข้เลือดออกเดงกี (Dengue Virus) การติดต่อโดยมียุงลายเป็นพาหะนำโรค มีอาการไข้สูงลอยเฉียบพลัน ร่วมกับอาการปวดศีรษะ
ปวดรอบกระบอกตา ปวดกระดูก ปวดกล้ามเนื้อ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง หรือท้องเสียโดยเฉพาะในเด็กเล็ก อาจมีจุดเลือดออกบริเวณผิวหนัง หน้าแดง ตัวแดง ให้หมั่นสังเกตอาการของบุตรหลานอย่างใกล้ชิด
นายแพทย์อาคม ชัยวีระวัฒนะ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่าในช่วงฤดูฝนเป็นช่วงที่เด็กป่วยบ่อย โดยเฉพาะโรคระบบทางเดินหายใจ การป้องกันโรคที่มาในหน้าฝนนั้น ทำได้ดังนี้
โรคไข้หวัดใหญ่ ป้องกันโดยการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ทุกปี หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ ล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำสบู่ หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณดวงตา จมูก หรือปาก เพราะเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สามารถติดต่อได้ตามช่องทางเหล่านี้ และการสวมใส่หน้ากากอนามัย
โรคไข้ไวรัสอาร์เอสวี (RSV) ป้องกันโดยการหมั่นล้างมือบ่อย ๆ หลีกเลี่ยงการพาบุตรหลานไปในที่ชุมชนหรือสถานที่แออัด ทำความสะอาดบ้าน รวมทั้งของเล่นเด็กเป็นประจำ หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ทารกที่สูดดมควันบุหรี่เข้าไปมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัส RSV และพบอาการที่รุนแรงได้มากกว่า ควรรับประทานอาหารที่ถูกสุขลักษณะ ดื่มน้ำมากๆ และให้เด็กพักผ่อนให้เพียงพอ
สำหรับคุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครอง เมื่อบุตรหลานมีอาการป่วยเป็นไข้หวัด ควรแยกเด็กออกจากเด็กปกติเพื่อเป็นการป้องกันการแพร่เชื้อ
โรคมือ เท้า ปาก การป้องกันโดยการล้างมือบ่อยๆ การดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคล การทำความสะอาดของเล่นและของใช้ หลีกเลี่ยงการนำบุตรหลานไปในสถานที่ที่มีโอกาสสัมผัสกับโรค และการให้วัคซีนเพื่อต้านเชื้อเอนเทอโรไวรัส 71
โดยเฉพาะ โรคไข้เลือดออก การป้องกันคือ ป้องกันไม่ให้ยุงกัด ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายบริเวณรอบบ้าน และการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออกสามารถช่วยป้องกันได้ อย่างไรก็ตามในช่วงฤดูฝนนี้แนะนำผู้ปกครองดูแลสุขอนามัย รักษาความสะอาด หากมีอาการให้ปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยในการรักษาต่อไป