Onlinenewstime.com : ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ประกาศเตือนภัย 22 จังหวัดทั่วไทย รับมือ “พายุวิภา” จ่อถล่ม 22-24 ก.ค.นี้ เสี่ยงน้ำป่า-น้ำท่วมฉับพลัน “เสรี ศุภราทิตย์” ลุยประเมินสถานการณ์ภาคเหนือแบบเรียลไทม์ พร้อมตั้ง War Room 24 ชม.
รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต และรองประธานมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม เวลา 15.00 น. ว่า กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้จัดประชุมร่วมกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และหน่วยงานเครือข่าย เพื่อวิเคราะห์และประเมินอิทธิพลของพายุ “วิภา” ที่มีแนวโน้มจะส่งผลกระทบต่อหลายพื้นที่ของประเทศไทยในช่วงวันที่ 22-24 กรกฎาคมนี้
ที่ประชุมมีมติให้ ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ส่งการแจ้งเตือนภัยแก่ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย 22 จังหวัดผ่านระบบ Cell Broadcast เมื่อเวลา 17.55 น. ของวันเดียวกัน เพื่อเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น
จากการวิเคราะห์ล่าสุด พายุ “วิภา” มีแนวโน้มเคลื่อนตัวเข้าสู่ตอนบนของประเทศเวียดนามบริเวณจังหวัดไทบื่ญ (ห่างจากกรุงฮานอยประมาณ 100 กิโลเมตร) ในวันที่ 22 กรกฎาคม โดยจะทวีกำลังเป็น พายุโซนร้อนรุนแรง ก่อนอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชัน และหย่อมความกดอากาศต่ำ ขณะเคลื่อนตัวเข้าสู่ภาคเหนือของประเทศไทย โดยเฉพาะจังหวัดน่านและเชียงราย
พายุลูกนี้จะส่งผลให้มีลมแรงตั้งแต่วันที่ 21-24 กรกฎาคม และฝนตกหนักมากในหลายพื้นที่ โดยคาดว่าจะมีปริมาณน้ำฝนสูงถึง 100-300 มิลลิเมตร ระหว่างวันที่ 22-24 กรกฎาคม ซึ่งอาจทำให้เกิด น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำล้นตลิ่ง
จังหวัดเสี่ยงสูงสุด ได้แก่
- ภาคเหนือ: น่าน, เชียงราย, พะเยา, แพร่, อุตรดิตถ์, เชียงใหม่, ลำปาง, ลำพูน, แม่ฮ่องสอน, ตาก
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: เลย, บึงกาฬ, หนองคาย
พื้นที่เสี่ยงจะปรากฏเป็น “แถบสีน้ำเงิน” ในแผนที่พยากรณ์ ซึ่งบ่งชี้ถึงระดับน้ำฝนสูง (ความละเอียด 300 เมตร) ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวควร ติดตามข่าวสารจากหน่วยงานท้องถิ่นและเครือข่ายเตือนภัยอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเส้นทางของพายุอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จัดตั้ง War Room ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเฝ้าระวังสถานการณ์แบบเรียลไทม์ ขณะที่ รศ.ดร.เสรี และทีมงานจะลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดเสี่ยงอื่น ๆ เพื่อประเมินสถานการณ์โดยตรง