Onlinenewstime.com : มาตรการรับมือไฟป่า หมอกควัน และฝุ่น PM2.5 ปี 2569 เดินหน้ากลไกเศรษฐศาสตร์จูงใจเกษตรกรลดการเผาในภาคเกษตร กำหนดอ้อยเผาไม่เกิน 15% พร้อมเร่งส่งเสริมโรงไฟฟ้าชีวมวลใช้ใบอ้อยเป็นเชื้อเพลิง หนุนผลิต “น้ำตาลสีเขียวไร้เผา” และผลักดันสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้โรงงานร่วมลดฝุ่นอย่างยั่งยืน
นายสุรินทร์ วรกิจธำรง อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า ตามที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ มีมติเห็นชอบมาตรการรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ปี 2569 เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ที่ผ่านมา มาตรการในภาคเกษตรกรรมให้ความสำคัญกับการนำเศษวัสดุการเกษตรมาใช้เป็นเชื้อเพลิง และใช้กลไกทางเศรษฐศาสตร์เพื่อสร้างแรงจูงใจลดการเผา เพื่อเร่งรัดการดำเนินงานให้เป็นรูปธรรม
นางชญานันท์ ภักดีจิตร ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมประชุมหารือเพื่อขับเคลื่อนมาตรการ โดยกระทรวงอุตสาหกรรม กำหนดเป้าอ้อยเผาทั้งฤดูการผลิตไม่เกิน 15% และเสนอยกเว้นอากรศุลกากรนำเข้ารถตัดอ้อย และเครื่องสางใบอ้อย ขอรับเงินสนับสนุนจากภาครัฐจูงใจเกษตรกรชาวไร่อ้อยเก็บเกี่ยวอ้อยสดและนำใบและยอดอ้อยส่งขายให้โรงงานไฟฟ้าชีวมวล มี war room ติดตามสถานการณ์การรับอ้อยเข้าหีบ real time
นายสุรินทร์ กล่าวว่า ทส. จะร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพลังงาน ส่งเสริมโรงไฟฟ้าชีวมวลที่มีการใช้ใบและยอดอ้อยเป็นเชื้อเพลิง ได้ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าในราคาที่เหมาะสม
รวมทั้ง ให้องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สนับสนุนการใช้กลไกคาร์บอนเครดิตสนับสนุนการผลิตน้ำตาลไม่เผา ซึ่งจะสอดคล้องกับการดำเนินงานของกระทรวงอุตสาหกรรมในการส่งเสริมราคาน้ำตาลสีเขียวไร้เผา (Green Sugar) ปลอดการเผา 100%
ที่ประชุมได้เสนอให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ยกระดับอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล และส่งเสริมให้โรงไฟฟ้า/โรงงานอุตสาหกรรมที่มีความพร้อม รับซื้อใบอ้อยเป็นเชื้อเพลิงได้ในสัดส่วนร้อยละ 20 –30 และเสนอให้กระทรวงการคลัง ให้สิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีสำหรับโรงงานที่รับซื้อใบอ้อยเป็นเชื้อเพลิง เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหา PM2.5 ที่เกิดจากการเผาในภาคการเกษตรอย่างยั่งยืนต่อไป นายสุรินทร์ กล่าว