Site icon Onlinenewstime.com – News and Knowledge to sustainability

สถิติต่างชาติลงทุนในไทย 4 เดือนแรกปี 2568 ต่างชาติลงทุนเพิ่มขึ้นจากปี 2567 กว่า 5% มูลค่าลงทุนรวม 57,860 ล้านบาท

Onlinenewstime.com : นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 เปิดเผยว่า “4 เดือนแรก (มกราคม – เมษายน) ปี 2568 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 จำนวน 363 ราย

โดยเป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 87 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (ผ่านช่องทางการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และการใช้สิทธิตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างประเทศ) 276 ราย เงินลงทุนรวม 57,860 ล้านบาท โดยชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุน 5 อันดับแรกของ 4 เดือน ปี 2568 ได้แก่

1. ญี่ปุ่น 71 ราย คิดเป็นร้อยละ 20 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 17,255 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ

2. สหรัฐอเมริกา 51 ราย คิดเป็นร้อยละ 14 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 2,485 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ 

3. สิงคโปร์ 45 ราย คิดเป็นร้อยละ 12 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติ เงินลงทุน 9,126 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ

4. จีน 43 ราย คิดเป็นร้อยละ 12 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติ เงินลงทุน 6,471 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ

5. ฮ่องกง 40 ราย คิดเป็นร้อยละ 11 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 5,766 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ

ถือได้ว่าการเข้ามาประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวในไทยช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมข้างต้น
มีส่วนช่วยในการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านจากประเทศผู้เข้ามาลงทุนให้แก่คนไทย เช่น

องค์ความรู้เกี่ยวกับการควบคุมหลุมขุดเจาะน้ำมัน องค์ความรู้เกี่ยวกับการจัดการท่าเทียบเรือและความปลอดภัยการขนถ่ายสินค้า องค์ความรู้เกี่ยวกับสถานีจัดประจุไฟฟ้า องค์ความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนการการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้า องค์ความรู้เกี่ยวกับแพลตฟอร์มบริหารงานติดตั้งเครื่องอัดประจุไฟฟ้า เป็นต้น

เมื่อเปรียบเทียบกับ 4 เดือนแรก (มกราคม – เมษายน) ปี 2567 พบว่า การอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย เพิ่มขึ้น 110 ราย (เพิ่มขึ้น 43%) (เดือน ม.ค. – เม.ย.68 อนุญาต 363 ราย / เดือน ม.ค. – เม.ย.67 อนุญาต 253 ราย)

และมีมูลค่าการลงทุนเพิ่มขึ้น 2,902 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 5%) (เดือน ม.ค. – เม.ย.68 ลงทุน 57,860 ล้านบาท / เดือน ม.ค. – เม.ย.67 ลงทุน 54,958 ล้านบาท)

รวมถึง มีการจ้างงานคนไทยจากนักลงทุนที่ขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวเพิ่มขึ้น 1,299 คน (เพิ่มขึ้น 128%) (เดือน ม.ค. – เม.ย.68 จ้างงาน 2,314 คน / เดือน ม.ค. – เม.ย.67 จ้างงาน 1,015 คน) โดยจำนวนนักลงทุนที่เข้ามาสูงสุดยังคงเป็นนักลงทุนญี่ปุ่นเช่นเดียวกับปีก่อน

อธิบดีอรมน เพิ่มเติมว่า สำหรับการลงทุนในพื้นที่ EEC ของนักลงทุนต่างชาติ ในช่วง 4 เดือน (มกราคม – เมษายน) ปี 2568 มีนักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 108 ราย คิดเป็นร้อยละ 30 ของจำนวนนักลงทุนต่างชาติในไทย ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 จำนวน 31 ราย (เพิ่มขึ้น 40%) (เดือน ม.ค. – เม.ย.68 ลงทุน 108 ราย / เดือน ม.ค. – เม.ย.67 ลงทุน 77 ราย)

โดยมีมูลค่าการลงทุนในพื้นที่ EEC 31,363 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 54 ของเงินลงทุนทั้งหมด โดยเป็นนักลงทุนจาก *ญี่ปุ่น 32 ราย ลงทุน 10,008 ล้านบาท *จีน 25 ราย ลงทุน 3,867 ล้านบาท *สิงคโปร์ 10 ราย ลงทุน 5,934 ล้านบาท และ ประเทศอื่นๆ 41 ราย ลงทุน 11,554 ล้านบาท โดยธุรกิจที่ลงทุน อาทิ

ทั้งนี้ เฉพาะเดือนเมษายน 2568 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจในประเทศไทย จำนวน 91 ราย เป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 20 ราย และ การขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (ผ่านช่องทางการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และการใช้สิทธิตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างประเทศ) 71 ราย เงินลงทุนรวม 10,827 ล้านบาท

ส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติจาก ฮ่องกง สหรัฐอเมริกา และสิงคโปร์ ตามลำดับ จ้างงานคนไทย 709 คน รวมถึงมีการถ่ายทอดเทคโนโลยี อันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านโดยตรงจากประเทศผู้เข้ามาลงทุนให้แก่คนไทย เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับการควบคุมหลุมขุดเจาะน้ำมัน องค์ความรู้เกี่ยวกับการจัดการเหตุฉุกเฉินสำหรับเรือกักเก็บปิโตรเลียม องค์ความรู้เกี่ยวกับการวิจัยและพัฒนาการปรับปรุงพันธุ์พืช เป็นต้น

Exit mobile version