Site icon Onlinenewstime.com – News and Knowledge to sustainability

กรมวิทย์ฯ เฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด NB.1.8.1 แนวโน้มระบาดเพิ่มในไทย–ทั่วโลก แต่ยังไม่พบทำให้ป่วยรุนแรง

covid30052025

Onlinenewstime.com : NB.1.8.1 กลายเป็นสายพันธุ์หลักในไทยช่วง เม.ย.– พ.ค. พบกลายพันธุ์ 7 จุดในโปรตีนหนาม เพิ่มการแพร่เชื้อและหลบภูมิได้ดีขึ้น WHO จัดอยู่ในกลุ่มต้องจับตามอง

นายแพทย์ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) ยังคงให้ความสำคัญกับการติดตามสายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งรวมถึงสายพันธุ์ที่ต้องเฝ้าระวัง (Variants of Interest – VOI) อย่าง JN.1* และสายพันธุ์ที่ต้องจับตามอง (Variants under Monitoring – VUM) อีก 6 สายพันธุ์ ได้แก่ KP.3*, KP.3.1.1*, LB.1*, XEC*, LP.8.1* และ NB.1.8.1  ทั้งนี้สัดส่วนของสายพันธุ์โอมิครอนทั่วโลก อ้างอิงข้อมูลจากฐานข้อมูลกลาง GISAID ระหว่างวันที่ 31 มีนาคม ถึง 27 เมษายน 2568 พบว่า

อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ อธิบายว่า NB.1.8.1 เป็นสายพันธุ์ย่อยของโอมิครอน มีต้นกำเนิดมาจากสายพันธุ์ลูกผสม XDV.1.5.1 โดยพบครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2568 ปัจจุบัน NB.1.8.1 พบใน 22 ประเทศทั่วโลก จำนวนลำดับพันธุกรรมที่พบ 518 ราย ยังน้อยกว่าสายพันธุ์อื่นๆ อย่างมาก

แต่สิ่งที่น่าสนใจคือสัดส่วนของ NB.1.8.1 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตลอด4 สัปดาห์ที่ผ่านมา บ่งชี้ว่าสายพันธุ์นี้กำลังแพร่หลายมากขึ้น และเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา องค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้ NB.1.8.1 เป็นสายพันธุ์ที่ต้องจับตามอง

สิ่งที่ทำให้ NB.1.8.1 น่าจับตาคือมีการกลายพันธุ์ในตำแหน่งโปรตีนหนามหลายจุดที่เพิ่มเติมจากสายพันธุ์ JN.1 รวม 7 ตำแหน่ง ได้แก่ S:T22N, S:F59S, S:G184S, S:A435S, S:F456L, S:T478I, S:Q493E ซึ่งส่งผลต่อความสามารถในการแพร่กระจายและหลบหลีกภูมิคุ้มกัน อย่างไรก็ตามถึงแม้จะมีข้อมูลว่า NB.1.8.1 อาจจะแพร่กระจายได้ง่ายขึ้น และหลบภูมิคุ้มกันได้ดีขึ้น แต่ยังไม่มีหลักฐานว่าทำให้เกิดโรครุนแรงมากขึ้น

นายแพทย์ยงยศ เปิดเผยต่ออีกว่า สำหรับสถานการณ์ของไวรัส SARS-CoV-2 สายพันธุ์โอมิครอนในประเทศไทย โดยผลจากการถอดรหัสพันธุกรรมเชื้อก่อโรคโควิด 19 ของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงพฤษภาคม 2568 พบสายพันธุ์โอมิครอน JN.1*, KP.3.1.1*, KP.3*, LP.8.1*, NB.1.8.1, Other, และ XEC*

ข้อมูลที่น่าสนใจคือ NB.1.8.1 กลายเป็นสายพันธุ์หลักอย่างรวดเร็วในช่วงเดือนเมษายนและพฤษภาคม ในขณะที่สายพันธุ์ XEC* และ JN.1* มีสัดส่วนลดลง

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และเครือข่ายยังคงเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง โดยรวบรวมตัวอย่างจากทั่วประเทศ ตรวจหาสารพันธุกรรมถอดรหัสจีโนมและเผยแพร่ข้อมูลผ่าน GISAID อย่างสม่ำเสมอ การเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดเช่นนี้ช่วยให้ห้องปฏิบัติการพร้อมรับมือการระบาดในอนาคต

สิ่งสำคัญคือการป้องกันตนเอง สวมหน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ ความรุนแรงของโรคขึ้นอยู่กับภูมิคุ้มกันและสุขภาพส่วนบุคคล ไม่ใช่จำเพาะกับสายพันธุ์เท่านั้น ขอให้ทุกคนรักษาสุขภาพให้แข็งแรงและปฏิบัติตามมาตรการป้องกันอย่างเคร่งครัด” นายแพทย์ยงยศ กล่าวทิ้งท้าย

Exit mobile version