Onlinenewstime.com : เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลกลายเป็น “เชื้อเพลิงของสแกมเมอร์” ซึ่งหมายถึงอาชญากรออนไลน์หรือแก๊งหลอกลวง ที่อาศัยข้อมูลส่วนบุคคลและเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการก่อเหตุ
“การซื้อขายข้อมูลประชาชน” จึงกลายเป็น ต้นน้ำของอาชญากรรมไซเบอร์ ที่ขยายผลต่อเนื่อง ตั้งแต่การเปิด ซิมผี–บัญชีม้า ไปจนถึงการหลอกลวงเหยื่อของอาชญากรรมไซเบอร์ ซึ่งกำลังคุกคามประชาชนทั่วประเทศ
ล่าสุด เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) พร้อมด้วย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พ.ต.อ.สุรพงศ์ เปล่งขำ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPC) ร่วมแถลงผลการจับกุมขบวนการซื้อขายข้อมูลประชาชน ในปฏิบัติการ “ตัดวงจรสแกมเมอร์” การจับกุมครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของรัฐไทยในการป้องกันและยับยั้งการหลอกลวงประชาชนผ่านแก๊งคอลเซ็นเตอร์และบัญชีม้าต่าง ๆ
รายละเอียดการจับกุม
มีการตรวจค้น 8 พื้นที่เป้าหมาย ทีจังหวัดเชียงราย, อุดรธานี, สระบุรี, ปทุมธานี, สมุทรสาคร, ประจวบคีรีขันธ์, ชลบุรี, ภูเก็ต โดย CIB และ PDPC มีของกลางที่ยึดได้คือ คอมพิวเตอร์ 6 เครื่อง,โทรศัพท์มือถือ 17 เครื่อง,อุปกรณ์สำรองข้อมูล 9 เครื่อง,สมุดบัญชีม้า 7 บัญชี, อุปกรณ์และสมุดบันทึกอื่น ๆ 4 รายการ ผลตรวจพบข้อมูลส่วนบุคคลรวมกว่า 9 ล้านรายชื่อ มีผู้เสียหายกว่า 4,630 คดี และความเสียหายรวม มากกว่า 298 ล้านบาท โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพแล้วทั้งหมด
ทำไม “การซื้อขายข้อมูล” คือต้นน้ำของวงจรสแกมเมอร์
การซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคล ชื่อ, เบอร์โทร, เลขบัญชี, เลขบัตรประชาชน คือ “วัตถุดิบตั้งต้น” ที่ทำให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์และสแกมเมอร์เข้าถึงเหยื่อได้อย่างแม่นยำ เนื่องจากข้อมูลเหล่านี้ทำให้คนร้าย:
- เลือกกลุ่มเป้าหมายที่ “ตรงโปรไฟล์” เช่น ผู้สูงอายุ, คนกู้เงิน, ผู้ช้อปออนไลน์
- สร้าง “ความน่าเชื่อถือปลอม” ด้วยข้อมูลจริง เช่น ชื่อ-ที่อยู่
- ดำเนินการเปิดบัญชีม้า–ซิมผี
- ส่งลิงก์หลอกหรือโทรหลอกได้ตรงกลุ่ม
ตัดวงจรสแกมเมอร์ ประชาชนต้องป้องกันตัวอย่างไร
พ.ต.อ.สุรพงศ์ ระบุชัดว่า “ข้อมูลส่วนบุคคลชุดสุดท้ายที่ทำให้เกิดความเสียหาย ส่วนใหญ่หลุดมาจากเจ้าของข้อมูลเอง” ยิ่งย้ำให้เห็นว่าการรั่วไหลของข้อมูลคือตัวการหลักของภัยออนไลน์ในปัจจุบัน
ความเสียหายจากการหลอกลวงออนไลน์ส่วนใหญ่เกิดจากประชาชน “เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวโดยไม่รู้ตัว” การป้องกันตัวเองจึงเป็นด่านแรกที่สำคัญที่สุด
“การตระหนักรู้ถึงความสำคัญของข้อมูลส่วนบุคคล และการป้องกันตั้งแต่ต้นทาง คือวิธีที่ดีที่สุดในการลดความเสี่ยงจากสแกมเมอร์”
6 วิธีง่าย ๆ ป้องกันข้อมูลส่วนตัว
- ไม่โหลดแอปจากลิงก์แชต
แอปหรือเว็บไซต์ปลอมเป็นหนึ่งในช่องทางที่สแกมเมอร์ใช้ขโมยข้อมูล - ไม่ส่งเลขบัตร-รูปบัตร-หน้าเล่มบัญชีให้คนไม่รู้จัก
การให้ข้อมูลเหล่านี้กับคนแปลกหน้าสามารถนำไปใช้เปิดบัญชีม้า หรือทำธุรกรรมปลอม - ใช้ซิมที่ลงทะเบียนด้วยตัวเองเท่านั้น
หลีกเลี่ยงซิมผีหรือซิมที่บุคคลอื่นจัดหาให้ เพื่อป้องกันการใช้งาน SIM Box ของสแกมเมอร์ - ตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของโซเชียลให้สูงสุด
จำกัดการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว เช่น วันเกิด, ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์ - ระวังแบบฟอร์มล่อข้อมูล
เช่น แจกของรางวัล, ทำแบบสอบถาม, หรือสำรวจออนไลน์ที่น่าสงสัย เพราะอาจถูกใช้ขโมยข้อมูลส่วนตัว - ตรวจสอบข้อมูลรั่วไหล
ใช้บริการของ PDPC และหน่วยงานรัฐเพื่อตรวจสอบว่าข้อมูลของคุณถูกนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่
ข้อมูลหลุดเกิดจากอะไรเป็นหลัก
- การกดลิงก์ฟิชชิง / โหลดแอปปลอม
- การยินยอมให้สิทธิ์แอปมากเกินจำเป็น
- การลงทะเบียนใช้งานเว็บ/แพลตฟอร์มที่ไม่น่าเชื่อถือ
- การขายซิม–บัญชีโดยบุคคลอื่นแทนเจ้าของ
- เว็บ/เซิร์ฟเวอร์เอกชนหรือร้านค้าที่เก็บข้อมูลลูกค้าไม่ปลอดภัย
คุมเข้ม ยืนยันตัวตน ปิดช่องสแกมเมอร์ ป้องกันข้อมูลประชาชนรั่วไหล
นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า การป้องกันและปราบปรามสแกมเมอร์ต้องอาศัยความร่วมมือของภาครัฐและเอกชน ตั้งแต่การยกระดับการยืนยันตัวตนบนแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น การลงทะเบียนด้วยชื่อ-นามสกุลหรือสแกนใบหน้า การจำกัดจำนวนซิมการ์ดต่อบุคคลไม่เกิน 5 หมายเลข และการลงทะเบียนซิมในพื้นที่ชายแดนหรือพื้นที่เสี่ยง เพื่อป้องกันการใช้งานซิมผีและบัญชีม้า
รวมทั้งมาตรการควบคุมแพลตฟอร์มออนไลน์ให้เข้มงวดและปลอดภัยมากขึ้น การปรับปรุงกฎหมาย พ.ร.บ. ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ และการเร่งดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องกับบัญชีม้า รวมถึงการคืนเงินเยียวยาความเสียหายให้ประชาชน ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของการปิดช่องทางสแกมเมอร์และสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชน
มาตรการป้องกันสแกมเมอร์และการลักลอบใช้ข้อมูลประชาชน
- ยกระดับการยืนยันตัวตนบนแพลตฟอร์มออนไลน์
- การลงทะเบียนใช้งานแพลตฟอร์ม เช่น TikTok, Line, Google ต้องยืนยันตัวตนด้วย ชื่อ-นามสกุล หรือสแกนใบหน้า นอกเหนือจากเบอร์โทรศัพท์หรืออีเมล์
- ช่วยป้องกันสแกมเมอร์ใช้บัญชีปลอมสร้างความเสียหาย
- จำกัดปริมาณซิมการ์ดต่อบุคคล
- กสทช. พิจารณาจำกัดไม่เกิน 5 หมายเลขต่อบุคคล (รวมทุกค่าย)
- การลงทะเบียนซิมผ่าน Dip chip หรือแพลตฟอร์มมาตรฐานความปลอดภัย
- ป้องกันการใช้งาน SIM Box ของสแกมเมอร์
- การลงทะเบียนซิมในพื้นที่เสี่ยงและชายแดน
- ตรวจสอบการใช้งานเพื่อป้องกันซิมผีและบัญชีม้า
- มีแนวคิด “ซิมยังชีพ” จำกัดการใช้งานซิมของบุคคลที่ขึ้นทะเบียนบัญชีม้าดำ
- การร่วมมือกับผู้ให้บริการเครือข่ายและแพลตฟอร์ม
- ตรวจสอบผู้ใช้งานและการซื้อโฆษณาเพื่อป้องกันการก่อเหตุของสแกมเมอร์
- เพิ่มความเข้มงวดและความปลอดภัยในการยืนยันตัวตนทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล
- การปรับปรุงกฎหมายและมาตรการกำกับดูแล
- ETDA ปรับปรุง พ.ร.บ. ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ มาตรา 32
- กำกับดูแลแพลตฟอร์มให้เหมาะสมและจำกัดความเสี่ยงการเกิดอาชญากรรมออนไลน์
- มาตรการเยียวยาและคดีความ
- เร่งดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องกับบัญชีม้า
- กำหนดหลักเกณฑ์คืนเงินเยียวยาความเสียหายให้ประชาชน
ทั้งหมดนี้มีเป้าหมายร่วมกันคือ “ตัดเส้นเลือดใหญ่ของสแกมเมอร์ ต้นน้ำคือข้อมูลประชาชน”
