Onlinenewstime.com : สังคมการทำงานในระหว่างเจเนอเรชั่นที่แตกต่าง ปัญหาเรื่องช่องว่างระหว่างวัย (Generation Gap) ยังคงเป็นปัญหาคลาสสิค ที่เกิดขึ้นในทุกองค์กร ถึงแม้จะมีการสร้างทฤษฎีการทำงานร่วมกับคนเจนฯใหม่ มาหลากหลายทฤษฎีก็ตาม วันนี้ช่องว่างระหว่างเจนฯของผู้บริหารที่เป็นเบบี้บูมเมอร์แต่ยังไม่เกษียณ กับผู้บริหารระดับกลางซึ่งเป็นเจนฯ เอ็กซ์ ทำงานร่วมกับเจนฯ วาย ที่กำลังก้าวเข้าสู่ผู้บริหารระดับต้น พร้อมกับการรับมือกระแสดิจิทัลที่เข้ามามีบทบาทอย่างเต็มรูปแบบ หลายองค์กรที่สะดุดกับปัญหาการบริหารบุคคล ควบคู่ไปกับการทรานส์ฟอร์ม ต่างต้องหาทางออกที่ลงตัวเพื่อการก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง
เคล็ดลับการทำงานกับคนในองค์กรที่มีเจเนอเรชั่นที่แตกต่างกัน นับว่าเป็นเรื่องสำคัญที่มองข้ามไม่ได้ โดยเฉพาะในองค์กรที่มีรากฐานยาวนาน และเข้าสู่สภาวะหลากหลายเจนฯ “วรรณี ลีลาเวชบุตร ” ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหาร บริษัท นิโอ ทาร์เก็ต จำกัด บริษัทที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์ด้านการสื่อสารภาพลักษณ์องค์กรและการสื่อสารการตลาด “เปิดบ้าน” ให้เวบไซต์ข่าว ออนไลน์ นิวส์ไทม์ เข้าสัมภาษณ์ถึงแนวทางการบริหารงานให้ประสบความสำเร็จ เนื่องเพราะนีโอทาร์เก็ตก่อตั้งมาเป็นระยะเวลาถึง 20 ปี และเป็นองค์กรที่มีคนทำงานหลายเจนฯ ซึ่งต่างก็มีความชำนาญที่แตกต่าง
เจเนอเรชั่นที่แตกต่าง
นางวรรณีเกริ่นว่า “ที่ทำงานของเรามีทั้ง 3 เจนฯ เบบี้บูมเมอร์ เจนเอ็กซ์ ที่เค้าเรียกว่ายัปปี้ และเจนฯ วาย คราวนี้ถ้าจะถามพี่ว่ามีวิธีการทำงานอย่างไร ก่อนอื่นเราต้องรู้จัก Personality ของแต่ละเจนฯ ว่าเป็นอย่างไร อย่างเบบี้บูมเมอร์ พวกเราเกิดในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง เพราะฉะนั้นจึงมีชีวิตที่ลำบาก มีชีวิตรอดมา ต้องมาฟื้นฟูประเทศ คนเจนฯ นี้เกิดมาท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ลำบาก ชีวิตจึงต้อง Struggle พ่อแม่ทำมาหากินยากลำบาก พวกเราต้องช่วยพ่อแม่ หรือแม้ไม่ได้ช่วยแต่ชีวิตความเป็นอยู่ก็ไม่ได้สุขสบาย”
“การที่เรามีพื้นฐานเป็นแบบนี้ ทำให้เราเป็นคนอดทน ต้องขยัน ใช้เงินแบบประหยัด เห็นคุณค่าของเงิน และด้วยความที่เราเป็นคนยุคนั้น ก็จะอนุรักษ์นิยม เคร่งในขนบธรรมเนียมประเพณี นี่คือจุดของความเป็นมาที่เป็นลักษณะของคนกลุ่มเบบี้บูมเมอร์”
ส่วนรุ่นลูกเรา พวกยัปปี้เป็นอย่างไรบ้างนั้น เขาเกิดมาในช่วงที่สบาย พ่อแม่ทำมาหากินปูพื้นมาแล้ว และพ่อแม่เองเคยลำบากมาแล้ว พอมีลูกก็อยากให้ลูกสบาย ยุคนี้มีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี มีลักษณะเป็นคนง่ายๆ ไม่ต้องต่อสู้ดิ้นรนเหมือนพ่อแม่ แต่มีสิ่งหนึ่งที่กังวลกับชีวิตมากก็คือ Work Life Balance
ซึ่งจะสังเกตได้ว่าถ้าเป็นเบบี้บูมเมอร์ งานเยอะอย่างไร ก็จะทุ่มเททำ กลางคืน ดึกดื่นแค่ไหนเราก็สู้เพราะเราคิดว่างานต้องมาก่อน
แต่เจนเอ็กซ์ บอกว่าชีวิตและการทำงานนั้นต้องบาลานซ์กัน เพราะฉะนั้นเมื่อหมดเวลาทำงานแล้ว อย่ามาเคี่ยวเข็นให้ทำ เพราะชีวิตคนรุ่นนี้ บางคนคาบช้อนเงินช้อนทองออกมา จึงสบายมาก เราจึงต้องเข้าใจว่า คนแต่ละยุคนั้นไม่เหมือนกัน เจนฯ นี้เป็นแบบนี้ เราเป็นหัวหน้าจะบอกว่างานนี้อยากได้เวลานี้ ช่วยทำให้หน่อย ก็คงไม่ได้ เราจึงต้องรอ
เจนฯ เอ็กซ์ มีความเป็นตัวเองสูงมาก มีความคิดเปิดกว้างและสร้างสรร แต่ความที่เป็นตัวเองสูงจึงไม่ค่อยจะยอม และมีความตรงไปตรงมา ถ้าจะให้ทำอะไรต้องพูดให้ชัดเจน
อีกกลุ่ม คือ เจนฯ วาย เป็นกลุ่มของประชากรโลกที่มีสัดส่วนสูงที่สุด กลุ่มนี้เติบโตมากับเทคโนโลยี สามารถใช้เทคโนโลยีได้คล่อง และมีความเป็นตัวเองสูง เรียนรู้เทคโนโลยีได้เร็วมาก มีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ไลฟ์แอนด์บาลานซ์ เช่นเดียวกับเจนฯ เอกซ์ เป็นคนรุ่นใหม่ที่เฮลท์กับเวิร์ค บาลานซ์กันได้อย่างดีเลย
“คนกลุ่มนี้จะไม่ค่อยอดทน จึงเป็นที่มาของการเปลี่ยนงานบ่อย ทำๆไปไม่อยากทำแล้ว และอยากทำงานอิสระเป็นเจ้าของธุรกิจเอง”
วิธีการทำงานกับเจนฯที่แตกต่างปรับตัวเข้าหากันอย่างไรและข้อดีของเจนฯใหม่
” ในฐานะที่เป็นเจนฯ เบบี้บูมเบอร์ ” พี่จะคิดถึงการทำงานกับคนในแต่ละเจนฯให้ผลงานออกมาได้ดีอย่างไรเสมอ เมื่อเรารู้แล้วว่าเขาเป็นอย่างไร จึงต้องปรับตัวทั้งเขาและเรา เพื่อจะทำให้งานออกมาดีที่สุด ตัวอย่าง เช่น มอบหมายงานให้ทำในเนื้องานที่มีเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะคนกลุ่มนี้เก่งเทคโนโลยีมาก เรียนรู้เร็ว มีความคิดใหม่ๆ
ขณะที่กลุ่มเบบี้บูมเมอร์ จะติดยึดกับของเก่า แต่เราสั่งสมประสบการณ์มามาก ทำให้ทำงานแบบรอบคอบ มองรอบด้าน อาจจะช้าไปนิด แต่ลักษณะนี้ทำให้เราปิดจุดอ่อน หรือจุดผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นได้ คนรุ่นใหม่ คิดอะไรขึ้นมาได้ ก็จะตัดสินใจเดินหน้าทำไปเลย ส่วนมากจะเป็นแบบนี้ แต่ก็ไม่เสมอไปทั้งหมด เพราะคนรุ่นเจนฯ เอ็กซ์กับวายนั้นก็มีบางคนที่เก่งมาก รอบคอบ สามารถมองถึงจุดอ่อน ปิดจุดบกพร่องของงานได้เหมือนกัน
กลุ่มคนรุ่นใหม่ทั้งเจนฯ วายและเจนฯ เอกซ์ ทำงานเร็วทำให้เกิดข้อพลาดได้ แต่มีข้อดีและจุดแข็งด้านเทคโนโลยี ซึ่งเบบี้บูมเมอร์ช้า เพราะเป็นของใหม่สำหรับเรา บางครั้งกว่าจะเข้าไปรู้เรื่องนั้นจะช้ากว่า อันนี้ก็ต้องยอมรับ ว่าเขาสามารถช่วยเสริมเราได้ เพราะในวันนี้ งานมีเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างมาก
ที่ผ่านมา เราค่อยๆปรับกันไป เรียนรู้ว่าแต่ละคนมีลักษณะไหน บางคนทำงานเร็วแต่ผิดพลาด ถ้าเป็นแบบนี้ก็ต้องมีการปรับ เพราะทำงานเร็ว จึงผิดพลาดนิดๆหน่อยๆ เช่น สะกดผิด ตัวเลขผิด ก็เจอบ่อย ซึ่งเราจะใช้วิธีการใหม่เพื่อจะบอกให้ปรับ
วิธีการมอบหมายงาน บางครั้งก็ต้องปล่อยให้เขาเห็นความผิดพลาดเอง และชี้ให้เห็นว่าทำงานแบบนี้จะทำให้ผิดพลาดได้ บางทีต้องบอกเพราะผิดบ่อยแบบเดิม ไม่มีการปรับปรุง ตัวอย่างง่ายๆคือเรื่องพิมพ์ผิดบ่อย โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ที่เขียนตามยุคสมัย ไม่ตรงไวยากรณ์ไทย หรืออีกแบบคือเราเปลี่ยนวิธีการทำงานของเรา โดยจะมาทบทวนร่วมกันว่า เมื่องานเสร็จแล้วเราหวังผลอะไรบ้าง สุดท้ายนั้นคือทรัพยากรที่เราอยากได้ ให้เขามีส่วนช่วยในการคิด และมีเช็คลิสต์ในการทำงานเพื่อที่จะให้ทุกคนสามารถติดตามกิจกรรมที่ตัวเองต้องรับผิดชอบได้ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ที่ไม่ชอบอ่านอะไรยาวๆ จึงต้องเขียนให้สั้นและครอบคลุมถึงสิ่งที่เราต้องการจะสื่อให้ได้
ลูกค้าก็มีหลายเจนฯ
อย่างไรก็ตาม การที่องค์กรต่างๆ มีหลายเจนฯผสมผสานกันนั้น ถือเป็นสิ่งที่ดี โดยเฉพาะนีโอทาร์เก็ต เป็นบริษัทที่ทำงานกับลูกค้าที่มีหลายเจนฯ เช่นกัน ดังนั้นเราจึงต้องเรียนรู้ว่า การสื่อสารถึงแต่ละเจนฯ ต้องใช้การสื่อสารประเภทไหน และวิธีการสื่อสารให้ถึง ต้องสื่อสารอย่างไร
นี่คือ สิ่งที่เราเรียนรู้ และทีมงานเรามีคนแบบนี้ ซึ่งจะช่วยบอกว่า ถ้าเป็นคนรุ่นเขาจะสนใจเรื่องไหน ก่อนหลังอย่างไร อันไหนไม่น่าสนใจ แม้แต่ว่าอ่านหนังสืออะไร อ่านข่าวจากที่ไหน รับข้อมูลจากที่ไหน ทำให้เราเข้าใจ
การมีคนรุ่นเดียวกันไปสื่อสารถึงลูกค้า และได้ช่วยให้เราสามารถ cover ในสิ่งที่เราจะขาย ทำให้งานมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น
ลูกค้าของนีโอทาร์เก็ตมีทั้ง 3 เจนฯ และโดยเฉพาะผู้บริหารระดับสูงก็ยังมีที่เป็นเบบี้บูมเมอร์ สำหรับผู้บริหารระดับ Level 1, 2, 3 ส่วนใหญ่เป็นเจนเอ็กซ์ก็มีมาก ทำให้เห็นว่าคนสมัยใหม่นี้ สามารถไต่เต้าขึ้นไปในตำแหน่งสูงได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในต่างประเทศอายุ 20 กว่า 30ต้นๆ ก็เป็นซีอีโอของบริษัทใหญ่แล้ว และในไทยก็เริ่มมีมากขึ้นเหมือนกัน
อุปสรรคของการทำงานร่วมกัน
คนรุ่นใหม่จะเชื่อมั่นตัวเองสูงมาก และมีความเร็ว จนบางครั้งทำให้ลืมไปว่า การทำงานเป็นทีมเวิร์คยังคงต้องมี บางคนมีความมั่นใจสูงมาก จนอะไรก็ตามที่คิดแล้วจะไม่ค่อยยอมรับความคิดเห็นของคนอื่น นี่คือแข็งมาก มั่นใจในตัวเองสูง ซึ่งตรงนี้ก็เป็นอุปสรรคหนึ่ง ที่ทำให้การทำงานไม่สมูทเท่าที่ควร ดังนั้นเวลาที่เราจะทำงานและสื่อสารกับเจนฯที่ต่างกัน เราต้องเข้าใจเขาให้มากๆ และต้องหาวิธีการที่จะสื่อสาร เพื่อที่จะทำงานร่วมกันและเปิดใจยอมรับซึ่งกันและกันให้มากที่สุด
ในองค์กรของนีโอทาร์เก็ตประกอบด้วยเจนฯไหนบ้าง
เรามีกัน 20 คนและมีกลุ่มเจนฯเอกซ์มากที่สุด ในขณะที่เจนฯวายกับเบบี้บูมเมอร์จะพอๆกัน คือประมาณ 2-3 คน จำนวนคนไม่มากนัก เพราะเราเป็นบริษัทที่ปรึกษาที่ไม่มี Full Staff และเราก็มี Strategic Partner ที่รวมกันเป็นกลุ่มเรียกว่า Consultation ทำให้ไม่ต้องแบกภาระค่าใช้จ่ายในบริษัท และไม่ต้องโยนภาระนี้ไปให้ลูกค้า การบริหารต่างๆอยู่ที่ต้นทางของการวางแผน หลังจากนั้นหากต้องทำอะไรเพิ่มเติม เราก็มีพาร์ทเนอร์มาช่วยทำต่อ
กรณีศึกษาของการทำงานระหว่างเจนที่น่าสนใจ
การทำงานเร็วด้วยความเชื่อมั่นตัวเองสูง และมีข้อผิดพลาด ที่เราไม่สามารถแนะนำเขาให้เปิดใจรับฟังได้ จนเมื่อลูกค้าท้วงมา ตัวเขาจึงเรียนรู้ และยอมรับว่าสิ่งที่ทำไม่ใช่ Solution ที่ดีที่สุด หลังจากนั้นเราจึงต้องคุยกันบ่อยมากขึ้น
เรื่อง Communication ระหว่างเจนก็เช่นเดียวกัน ต้องพูดชัดเจน เพราะอาจทำให้ Perceive ไปอีกแบบ ซึ่งเป็นอย่างนี้บ่อยอยู่เหมือนกัน เรียกว่าพูดเสร็จต้องอธิบาย เพื่อทบทวนความเข้าใจให้ตรงกัน นี่คือ Communication ระหว่างวัย ระหว่างเจนฯ ซึ่งเป็นอีก Factor ที่ต้องให้ความสำคัญอย่างมาก
ความท้าทายของการบริหารงานที่เผชิญกับช่องว่างระหว่างเจเนอเรชั่น
ถือเป็นความท้าทาย ที่เราจะต้องเจอคนเหล่านี้ แต่ปัจจุบันนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ จนไม่ใช่ความท้าทายอีกต่อไปแล้ว เพราะเราได้ทลายอุปสรรคไปจนหมดสิ้น ตอนนี้เราเริ่มที่จะเข้าใจแล้วว่า แต่ละเจนฯ เป็นอย่างไรบ้าง เพียงแต่ในแต่ละบุคคลมีลักษณะที่แตกต่างกัน ซึ่งตรงนั้นไม่ใช่เรื่องของเจนฯ เพราะเจนเดียวกันก็ยังมีลักษณะที่แตกต่างกัน
วันนี้เราต้องเรียนรู้การทำงานของแต่ละคนว่า เราจะเบลนด์กันอย่างไร บางคนที่เป็นผู้บริหารระดับสูง ค่อนข้างที่จะเชื่อมั่นตัวเอง ตอนนี้จะสั่งตามที่ต้องการคงไม่ได้ เพราะงานที่ทำออกมาจะไม่ได้ออกมาจากใจ สำหรับเรา เราอยากให้ทุกอย่าง ที่เขารังสรรค์งานขึ้นมา เป็นงานที่มาจากหัวคิด จากครีเอทีฟของเขา ถึงจะเป็นผลงานที่ดี โดยการ convince หาวิธีการคุยกับเขา เพื่อที่จะให้งานออกมาจากใจและสมองเขาจริงๆ นี่คือสิ่งที่ท้าทายทุกวัน ลูกน้องทำงานกับ เราก็พอรู้ว่าคนไหนเป็นอย่างไร เราจะใช้วิธีการ Approach ที่แตกต่างกัน
บางคนด้วยความเป็นผู้ใหญ่ เราอยากได้งานที่เร็ว ซึ่งบางคนอาจจะทำได้ แต่บางคนไม่ได้ เพราะว่าไม่เก็ท ไม่ใช่ภาษาของเขา เป็นคนละเจนฯ เราจึงต้องใช้วิธีการสื่อสารที่แตกต่างกัน เราต้องปรับของเรา ถ้าอยากให้งานที่ออกมาดีได้ ให้ทุกคนได้ใช้ความคิดความเก่งและ passion ของเขาให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่
ฝากข้อคิด
นางวรรณี ฝากทิ้งท้ายถึง สิ่งที่อยากจะฝากบอกทุกเจนฯ ว่าการทำงานร่วมกันในแต่ละองค์กรนั้น อยากจะให้เข้าใจซึ่งกันและกัน และต้องเปิดใจถึงกันและเคารพกัน Respect ในที่นี้หมายถึงทุกคนมีไอเดียมีความคิดเห็นของตัวเอง ก่อนที่เราจะแย้งหรือไม่เห็นด้วย เราต้องเคารพ คือฟังและคิดตาม ไม่มีอะไรที่ผิด ทุกคนมีความคิดเห็น แต่อะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับสถานการณ์ เหตุการณ์ บริษัท หรือลูกค้าคนนั้น เพราะถ้าเราเปิดใจกว้างมาช่วยกันคิดช่วยกันย่อย และหากสามารถดึงจุดเด่นความเก่งของแต่ละคนออกมาได้ และช่วยกันแชร์งานนั้นร่วมกัน ก็จะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
