onlinenewstime.com : วันนี้ (26 พ.ค. 2562) เมื่อเวลาประมาณ 09.00 น. พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ได้ถึงแก่อสัญกรรมอย่างสงบ ด้วยวัย 98 ปี ที่ โรงพยาบาลพระมงกุฎ ท่ามกลางความอาลัย
ประวัติของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษนั้น ท่านเป็นคน จังหวัดสงขลา นามสกุล “ติณสูลานนท์” พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานให้ เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2462
พล.อ. เปรม เป็นบุตรชายคนรองสุดท้อง จากจำนวน 8 คน สำเร็จการศึกษา จากโรงเรียนมหาวชิราวุธ จังหวัดสงขลา และโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย เมื่อปี 2480 จากนั้นเข้าศึกษาต่อ ที่โรงเรียนเทคนิคทหารบก รุ่นที่ 5 สังกัดเหล่าทหารม้า (โรงเรียนนี้ก่อตั้งเมื่อปี 2477 ต่อมาคือโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า)
เมื่อจบการศึกษาในปี 2484 ได้เข้าร่วมรบ ในสงครามอินโดจีนระหว่างไทยกับฝรั่งเศส ที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา จากนั้นเข้าสังกัด กองทัพพายัพ ภายใต้การบังคับบัญชา ของหลวงเสรีเริงฤทธิ์ (จรูญ รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์) ทำการรบในสงครามโลกครั้งที่สอง ระหว่างปี 2485 – 2488 ที่เชียงตุง
ชีวิตราชการทหาร ภายหลังร่วมรบในสงครามอินโดจีน พล.อ.เปรม รับราชการอยู่ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ และได้รับทุนไปศึกษาต่อ ที่โรงเรียนยานเกราะของกองทัพบกสหรัฐ ที่ฟอร์ตน็อกซ์ รัฐเคนทักกี เมื่อปี 2495 แล้วกลับมารับตำแหน่งรองผู้บัญชาการ โรงเรียนยานเกราะ ต่อมามีการจัดตั้งโรงเรียนทหารม้ายานเกราะ ศูนย์การทหารม้า ที่จังหวัดสระบุรี
พล.อ. เปรมได้รับพระบรมราชโองการ เป็นผู้บัญชาการศูนย์การทหารม้า ยศพลตรี เมื่อปี 2511 ในช่วงระยะเวลา 5 ปี ที่ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการศูนย์การทหารม้านี้ มักเรียกแทนตัวเองต่อผู้ที่อาวุโสน้อยกว่าว่า “ป๋า” และเรียกผู้ที่อาวุโสน้อยกว่าว่า “ลูก” จนเป็นที่มาของคำว่าป๋า หรือ ป๋าเปรม และคนสนิทมักถูกเรียกว่า ลูกป๋า จนถึงปัจจุบัน
พล.อ. เปรม ย้ายไปเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 2 ในปี 2516 และเลื่อนเป็นแม่ทัพภาคที่ 2 เมื่อปี 2517 ได้เลื่อนยศเป็น พล.อ.ในตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก เมื่อปี 2520 และเลื่อนเป็นผู้บัญชาการทหารบก ในปี 2521
นอกจากยศ พลเอก แล้ว พล.อ. เปรม ยังถือว่า เป็นหนึ่งในบุคคล ที่มิใช่พระบรมวงศานุวงศ์ ที่ได้รับยศ พลเรือเอกของกองทัพเรือ และ พลอากาศเอก ของกองทัพอากาศ ด้วย จากการพระราชทานโปรดเกล้าฯ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2529 ในระหว่างที่ พลเอกเปรม ยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอยู่
พล.อ.เปรมเคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 3 สมัย ช่วงวันที่ 3 มีนาคม 2523 – 4 สิงหาคม 2531 รวมระยะเวลาประมาณ 8 ปี
หลังจากนั้น พล.อ.เปรมได้ดำรงตำแหน่งประธานองคมนตรี ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2541 จนระงับปฏิบัติหน้าที่วันที่ 13 ตุลาคม 2559 เพื่อไปดำรงตำแหน่ง ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ วันที่ 13 ตุลาคม 2559 – 1 ธันวาคม 2559
จากนั้นได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่ง ประธานองคมนตรี ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว วันที่ 2 ธันวาคม 2559 จนวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 นี้ ที่ถึงแก่อสัญกรรม