www.onlinenewstime.com : ฟินโนมีนา (FINNOMENA) สตาร์ทอัพจากดีแทค แอคเซอเลอเรท เล็งเห็นปัญหาของนักลงทุนที่ “ลงทุนโดยใช้หู” มักฟังคำแนะนำจากเพื่อนในการลงทุน แทนที่จะปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ จึงได้คัดเลือก 6 กูรูด้านการเงินของประเทศไทย จัดพอร์ตโชว์ โดยให้ลูกค้าสามารถลงทุนตามกูรูได้ ระหว่างที่กำลังศึกษาเรื่องการลงทุน
ที่ผ่านมาฟินโนมีนาที่ก่อตั้งโดยคนไทย ได้รับการยอมรับในวงกว้าง สำหรับสังคมการเงินการลงทุนของประเทศไทย ปัจจุบันมีผู้ใช้งานกว่า 80,000 คนเป็นเม็ดเงินลงทุนกว่า 6,700 ล้านบาท อีกทั้งยังได้รับการลงทุนจาก บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต, กลุ่มเบญจจินดา, ดีแทค แอคเซอเลอเรท Batch 4, และ 500 TukTuks
ล่าสุดได้แถลงเปิดตัวเฟสแรก ในการนำแพลตฟอร์ม คลาวด์ซอสซิ่ง โรโบ-แอดไวเซอร์ (Crowdsourcing Robo-advisor) เข้าสู่ตลาดในนาม GURUPORT อย่างเป็นทางการ
Crowdsourcing Investment หรือ GURUPORT เป็นแนวทางการลงทุน ที่นักลงทุนเลือกลงทุนตามนักลงทุนด้วยกัน ที่ตนเองชื่นชอบ หรือลงทุนตามกูรูนั่นเอง โดยทั้ง 6 กูรูที่ทางฟินโนมีนาคัดเลือกมา จะเข้ามาให้แนวคิด สำหรับการจัดพอร์ตการลงทุนที่หลากหลาย ลงทุนได้จริง และทำการวิเคราะห์ ร่วมกับทีมงานการลงทุนของ บลน.ฟินโนมีนา
ซึ่งจะมีทั้งการจัดพอร์ตสำหรับลงทุนระยะยาว เพื่อเป้าหมายทางการเงิน หรือพอร์ตที่มีลักษณะเป็นธีมการลงทุน (Thematic Portfolio) เช่น ธีม ASEAN ธีมหุ้นเติบโต ธีมเทคโนโลยี เป็นต้น เพื่อเป็นทางเลือกใหม่สำหรับแฟนๆ กูรูแต่ละท่าน ที่อาจจะติดตามกูรูเหล่านั้นมาเป็นเวลานาน แต่ยังไม่มีโอกาส ได้นำแนวคิดต่างๆ ไปใช้ในการลงทุนจริง
วันนี้ ฟินโนมีนา ได้ทำให้ฝันของนักลงทุนเป็นจริง ด้วยระบบ Crowdsourcing Robo-advisor ที่นอกจากแนะนำกองทุน ที่จำเป็นต้องลงทุนในครั้งแรกแล้ว นักลงทุนยังสามารถติดตามการปรับกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเหตุผลของกูรู รวมถึงรับคำแนะนำการปรับพอร์ต ตามสถานการณ์ และมุมมองของตัวกูรูที่เปลี่ยนไปอีกด้วย
ที่สำคัญที่สุดคือ ฟรี! ไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม ในการแนะนำการจัดพอร์ต เพื่อให้คนไทยส่วนใหญ่ ได้ทดลองใช้งาน บลน. ฟินโนมีนา จึงกำหนดเงินลงทุนเริ่มต้นเพียง 20,000 – 50,000 บาท
“ลงทุนชั้นครู กับกูรูชั้นนำ” เริ่มต้นตั้งแต่ช่วงเดือน มีนาคม ที่ผ่านมา โดย บลน.ฟินโนมีนาได้จับมือร่วมกับกูรูทางการเงินชั้นนำของประเทศไทย 6 ท่าน เพื่อพัฒนาแผนการลงทุนรูปแบบต่างๆ ตามแนวคิดของกูรูแต่ละท่าน นำโดย
1. A.Stotz All-Weather Portfolio – พอร์ตการลงทุน ที่พร้อมรับสถานการณ์ทุกสภาวะตลาด
ดร. แอนดรูว สตอทซ์ (Dr. Andrew Stotz) -อดีตนักวิเคราะห์ชื่อดัง และนักวิเคราะห์อันดับหนึ่งของประเทศไทย จากผลสำรวจของ Asiamoney Brokers ประจำปี 2008 – 2009 และจากรายงานของ All-Asia Research Team ซึ่งจัดทำโดยนิตยสาร Institutional Investor รวมถึงท่านได้เป็นประธาน CFA Society แห่งประเทศไทย
2. RUNNING for Growth – พอร์ตการลงทุน ที่เน้นเติบโตไปกับอุตสาหกรรมที่น่าสนใจในอนาคต
“นายแว่นลงทุน” นักลงทุนอิสระ อาจารย์พิเศษ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเป็นผู้เขียนหนังสือขายดีชุด “เฟ้นหาหุ้นรวย” โดยเขียนหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนมาแล้วกว่า 20 เล่ม
3. Global Aggressive Hybrid Portfolio – พอร์ตการลงทุน ที่เน้นการผสมผสานระหว่างกองทุนประเภท Active และPassive
“Wealthguru” Head of Financial Consultant จากบริษัท Kompass Wealth ซึ่งเป็นกลุ่มที่ปรึกษาการเงินอิสระ ที่กำลังได้รับความนิยม
4. Best of Risk Adjusted Return – Equity REITs – พอร์ตการลงทุนสไตล์เรียบง่าย ที่เน้นลงกองทุนหุ้นและอสังหาริมทรัพย์ที่ถูกคัดเน้นๆ
“InvestDiary” นักลงทุนอิสระสาย VI เจ้าของ Facebook เพจชื่อดัง InvestDiary เชี่ยวชาญการลงทุนแบบหุ้นรายตัว แนว VI และกองทุนอสังหาริมทรัพย์รวมถึง REIT
5. ASEAN Growth – พอร์ตการลงทุนที่เน้นรับการเติบโตจากภูมิภาค ASEAN
“Investidea.in.th” ผู้เขียนหนังสือ “ผ่าความลับงบการเงิน” เป็นหนังสือที่สอนให้นักลงทุน สามารถวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน ได้อย่างง่ายๆ และสามารถเป็นผู้พัฒนาเครื่องมือ และระบบการลงทุนผ่านเพจและเว็บไซต์ Labhoon
6. Long Term Defensive Plus -พอร์ตการลงทุนสไตล์ Classic ที่เน้นความเสี่ยงปานกลางถึงต่ำ เหมาะกับเก็บเงินระยะยาว
“DaddyTrader” อดีตผู้คร่ำหวอด ในแวดวงการเงินการลงทุน การออกหลักทรัพย์ รวมถึงเป็นผู้ให้ความรู้ด้านตราสารประเภทอนุพันธ์ เช่น Futures, Options และมีส่วนช่วยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่าง ๆ
จากเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ถึงปัจจุบัน มีผู้เข้ารับคำแนะนำการลงทุนแล้ว กว่า 2,000 คน ซึ่งฟินโนมีนา ตั้งเป้านักลงทุนในแพลตฟอร์มใหม่นี้ 10,000 คนภายในสิ้นปีนี้ สำหรับนักลงทุนที่สนใจ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่
นายเจษฎา สุขทิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฟินโนมีนา กล่าวว่า ก่อนหน้านี้การตัดสินใจลงทุนของนักลงทุน มักมาจากข้อมูลของบริษัทหลักทรัพย์ หรือสถาบันการเงิน (Sell-side Information) หรือคนใกล้ชิด
แต่ปัจจุบัน การที่ผู้มีความสนใจในเรื่องเดียวกัน สามารถแลกเปลี่ยนความรู้ และประสบการณ์กันได้บนโลกออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น Social Media หรือแพลตฟอร์มการลงทุนต่าง ๆ ก็ทำให้เกิดกูรูการลงทุนขึ้นมากมาย นับร้อยนับพัน ซึ่งได้รับการยอมรับ จากนักลงทุนจำนวนมาก
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ จะช่วยให้ความรู้เรื่องการเงินการลงทุน (Financial Literacy) เข้าถึงคนไทยในมากขึ้น ยิ่งมีความรู้ ก็จะเห็นความสำคัญของการลงทุน และเข้ามาเป็นนักลงทุนกันมากขึ้น”